นายกรัฐมนตรีได้วอนขอร้องทุกฝ่ายขอให้ยุติและจบเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาที่นายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเกรงว่าจะเกิดเรื่องบานปลายขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงท่าทีครั้งแรกหลังเหตุการณ์ถวายสัตย์ฯ
เหตุที่นายกรัฐมนตรีต้องวอนขอร้องครั้งนี้ก็เพราะมีปมปัญหาเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ทั้งโดยนักการเมือง นักวิชาการ และการกล่าวขวัญกันในทางโซเชียลมีเดียว่านายกรัฐมนตรีมิได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
และมีการปล่อยให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวันโดยมิได้มีการทำความเข้าใจใดๆ ให้เกิดขึ้นต่อสังคม มิหนำซ้ำ ที่มีการพูดถึงเรื่องนี้บ้างก็กลับพูดอย่างอึมครึมคลุมเครือ ชี้แนะให้คนทั้งหลายคิดกันเอาเองว่าทำไมจึงพูดไม่ได้ ซึ่งทำให้คิดกันไปในทางร้ายบ้าง ในทางดีบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คิดกันไปในทางที่ไม่เป็นผลดีทั้งแก่ชาติบ้านเมืองและรัฐบาลเป็นส่วนรวม
ก็พอจะเข้าใจได้ว่าหากเรื่องนี้ไม่ยุติหรือปล่อยให้ผ่านไป และหากกรณีขึ้นไปสู่ศาล ซึ่งถ้าหากศาลชี้ขาดว่ายังมิได้มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญ ก็จะมีผลเป็นว่ารัฐบาลปัจจุบันยังไม่สามารถเข้ารับหน้าที่ได้ การทั้งหลายที่กระทำไปแล้วและที่จะทำต่อไปก็จะกลายเป็นการกระทำที่ไม่ชอบหรือผิดกฎหมาย ซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายใหญ่หลวง
ที่สำคัญคือถ้าหากการถวายสัตย์ปฏิญาณดังกล่าวไม่ชอบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้ว ก็จะมีผลในทางกฎหมายว่ารัฐบาลยังไม่ได้เข้ารับหน้าที่ ก็ย่อมปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ต่อไปไม่ได้
และย่อมหมายความต่อไปว่ารัฐบาล คสช. ก็ยังไม่พ้นหน้าที่ เพราะตราบใดที่รัฐบาลใหม่ยังไม่เข้ารับหน้าที่รัฐบาลเดิมก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อไป คสช. ก็ยังคงอยู่ต่อไป และมาตรา 44 ก็จะยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นผลของอภินิหารทางกฎหมายที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญ
แต่ในทางการเมืองและความรู้สึกของกระแสสังคมจะอยู่ได้จริงหรือไม่หรือจะอยู่กันแบบไหน ก็คงจะไม่ดีไปกว่าการที่อยู่โดยชอบด้วยกฎหมายโดยไร้ข้อครหา หรือโดยไร้ข้อกังขาสงสัย ดังนั้นจึงต้องจัดว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง
เรื่องใดก็ตามถ้าเป็นกรณีไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแล้ว เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ต้องธำรงรักษาไว้ และต้องปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ การไม่รักษาหรือไม่ปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติจึงเป็นปรปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญและขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย
อันธรรมเนียมการถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นเป็นธรรมเนียมที่มีมาช้านานแล้ว ในบางประเทศแม้ไม่มีรัฐธรรมนูญหรือรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้หัวหน้ารัฐบาลต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อประมุข แต่ในทางปฏิบัติก็มีการปฏิบัติเป็นหลักสืบทอดกันมา ที่แสดงออกในทางยอมรับที่จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและยอมรับภาระหน้าที่ต่อประมุขแห่งรัฐ ดังเช่นอังกฤษ เป็นต้น
ในบางประเทศที่มีการให้คำสัตย์ปฏิญาณ แม้ไม่มีประมุขแต่ก็ต้องปฏิญาณต่อหน้าผู้แทนสถาบันสูงสุดของชาติ และต้องกล่าวคำปฏิญาณตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องประกาศสัจจะต่อหน้ามหาชนว่าจะปฏิบัติตาม จะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ และความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าตัวเองก็ต้องยอมรับปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และจะต้องทำหน้าที่ให้คนอื่นต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ดังเช่นสหรัฐ เป็นต้น
เคยมีตัวอย่างที่กล่าวคำสัตย์ไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ เขาก็มิได้ดื้อรั้นหรือแถไถไปเป็นอื่น เพราะเขาไม่มีผู้มีอภินิหารทางกฎหมาย แต่ก็ยอมรับแบบสุภาพบุรุษและแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจและเปิดเผย ตัวอย่างก็เคยมีปรากฏมาแล้ว
แต่สำหรับประเทศไทยนั้นแตกต่างจากหลายประเทศเพราะมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผู้ใดจะละเมิดมิได้ พระองค์ทรงเป็นที่เคารพสักการะของทุกคน ซึ่งเป็นโดยราชนิติ โลกนิติ ธรรมนิติ และมีการตราไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ
และมีบทบัญญัติบังคับให้นายกรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญต้องเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ว่าจะปฏิบัติและรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน โดยมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดเนื้อความที่ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณไว้เป็นการเฉพาะ ถือเป็นแบบปฏิบัติที่จะขาดก็ไม่ได้ เกินก็ไม่ได้ ผิดก็ไม่ได้ เพราะเป็นกิจกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องแสดงความเคารพสักการะองค์พระประมุขสถานหนึ่ง และที่จะต้องปฏิบัติตนและทำหน้าที่อีกสถานหนึ่ง
ดังนั้นการถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะมีผลตามรัฐธรรมนูญจึงต้องเป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยถ้อยคำตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ หากมิได้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติก็ไม่ใช่เป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญนั้น ส่วนจะเป็นอย่างไรหรือเป็นอะไรก็เป็นเรื่องที่พูดจากันไปตามความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ควรดำเนินการให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด นั่นคือถ้าเห็นว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้วก็ว่ากันไป และต้องรับผลทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากการนั้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเห็นว่าสมควรปฏิบัติให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติก็ควรรีบดำเนินการเสียโดยไว ไม่ควรให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นอีกปัญหาหนึ่ง เพราะปัญหาทั้งหลายที่มีอยู่ก็มากนักหนาเต็มทีแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี