กลางสัปดาห์ที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปเยือนจังหวัดยะลา ดูงานต่างๆ จิปาถะ ที่อาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมืองยะลา
ก็ยินดีด้วยกับพี่น้องชาวจังหวัดยะลา ที่นายกฯไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พล.อ.ประยุทธ์ ได้เยี่ยมชมศูนย์ประสานงานกิจการเด็กและสตรีรับฟังรายงานสรุปผลการดำเนินงานจากหน่วยงานต่างๆ และสั่งการให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามรวบรวมข้อมูลของเด็กให้ได้มากที่สุด จัดเป็นฐานข้อมูลของเด็กที่อยู่นอกระบบแบบบูรณาการเพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้รับการศึกษา โดยให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะรัฐบาลให้ความสนใจและความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความเท่าเทียมเสมอภาค จึงจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้พบกับนักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับทุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในพื้นที่จังหวัดยะลา โดยนายมุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา นางสาวรุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รองปลัด อบจ.ยะลา กล่าวรายงานภาพรวมการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดยะลาด้วยระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือ isee จากนั้นนางสาวฟาตีฮะห์ วิชา นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง รุ่น 1 วิทยาลัยชุมชนยะลา เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้โอกาสได้เรียนสูงขึ้น หากไม่มีกองทุนดังกล่าว คงไม่ได้เรียนต่อและคิดไม่ออกว่าอนาคตจะทำอะไรต่อไป ดังนั้น กองทุนนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นการให้อนาคตใหม่กับพวกตน ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนให้มากๆ เพราะการศึกษาจะเป็นช่องทางในการลดความเหลื่อมล้ำ ให้โอกาสในชีวิตและทำให้คนมีคุณภาพ
นางสาวรุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รองปลัด อบจ.ยะลา กล่าวว่า จังหวัดยะลา เป็น 1 ใน 20 จังหวัดต้นแบบ สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา โดย อบจ.ยะลาร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือ กสศ.ดำเนินงานเชิงรุกเพื่อบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในกลุ่มเด็กและเยาวชนในพื้นที่เบื้องต้น มุ่งช่วยเด็ก 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เด็กในระบบ จังหวัดยะลามีนักเรียนในสังกัด สพฐ. ระดับชั้นประถมศึกษา-มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 40,723 คน ในจำนวนนี้
มีนักเรียนยากจนพิเศษหรือนักเรียนทุนเสมอภาคที่ กสศ. ช่วยเหลืออยู่ จำนวน 10,101 คน เด็กกลุ่มนี้ได้รับเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขจาก กสศ. เพื่อเป็นค่าครองชีพ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่ากิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต ป้องกันเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษา โดยปีการศึกษา 2562 ขยายความ
ช่วยเหลือไปยังนักเรียนยากจนพิเศษสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุมพื้นที่จังหวัดยะลาด้วย นอกจากนี้
ยังมีทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงของกสศ. สร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนขาดแคลนทุนทรัพย์แต่มีความสามารถได้มีโอกาสศึกษาต่อสายอาชีพ ในสาขาซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน โดยจังหวัดยะลามีนักศึกษารับทุนนี้จำนวน 23 คน จากวิทยาลัยชุมชนยะลา เป็นทุนต่อเนื่อง 2 ปี ในระดับอนุปริญญาสายอาชีพ สาขาเทคโนโลยีการเกษตร
รองปลัด อบจ.ยะลา กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่ 2 เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ดำเนินงานภายใต้โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาจังหวัดยะลา โดย อบจ.ยะลา เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสนอกระบบให้ได้รับการศึกษาตามศักยภาพและความถนัด เบื้องต้นช่วงสิงหาคม-กันยายนนี้จะมีกระบวนการค้นหา คัดกรองกลุ่มเด็กและเยาวชนช่วงอายุ 2-21 ปี ในพื้นที่นำร่อง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา รวมทั้งสิ้นจำนวน 9,684 คน ซึ่งเป็นข้อมูลตัวเลขตั้งต้นจากกรมการปกครอง หักลบกับข้อมูลนักเรียนจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปคัดกรองให้ได้ตัวเด็กนอกระบบ และสร้างกลไกบูรณาการจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือรายกรณีต่อไป เช่น สนับสนุนทุนเพื่อนำกลับสู่ระบบการศึกษา หรือฝึกทักษะอาชีพตามความถนัดและศักยภาพของเด็ก
ครับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ตั้งขึ้นมาในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องกู้ไม่ต้องจ่ายคืน แต่เป็นการให้ฟรีแม้จะวงเงินไม่มากแต่ก็สามารถลดความเหลื่อมล้ำให้ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษา ถ้าเอกชนสนใจจะร่วมบริจาค ร่วมรับผิดชอบต่อวงการศึกษาไทยด้วย นายกรัฐมนตรีก็คงไม่ขัดข้อง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี