วันพฤหัสบดี ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569
ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ให้คณะรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พิจารณาภายในสัปดาห์หน้าหรือภายในวันที่ 20 ส.ค.นี้ โดยมีวงเงินที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดรวม 50,000 ล้านบาท แต่อาจไม่สามารถใช้ได้เต็มวงเงินเนื่องจากเงินบางส่วน ต้องใช้ในโครงการที่ก่อหนี้ผูกพันจากปีงบประมาณ 2562 ด้วย
สำหรับมาตรการที่จะเสนอ ครม. ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดจะเสนอให้เงินคนไปเที่ยวเมืองรองคนละ 1,500 บาท โดยจ่ายผ่านการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะให้แก่ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพื่อนำไปเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง คาดว่าผู้ที่ได้รับเงินจะมีการใช้จ่ายมากกว่าคนละ 1,500 บาท ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000 -30,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีมาตรการเติมเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการหรือบัตรคนจนจะใช้งบประมาณราว 20,000 ล้านบาท เน้นช่วยกลุ่มคนชราและคนที่เข้าข่ายได้รับประโยชน์จากโครงการมารดาประชารัฐ โดยประเมินว่า จะมีการแจกเงินเพิ่มเติมในบัตรคนละประมาณ 1,000 บาท ในช่วงปลายปีเพื่อช่วยลดผลกระทบจากภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยคาดหวังว่า เงินดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากดีขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกันจะมีมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจโดยเน้นช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กที่เรียกว่า เอสเอ็มอี โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สนับสนุนด้านดอกเบี้ย หรือรับภาระดอกเบี้ยที่จะลดให้กับเอสเอ็มอีและเกษตรกร
ซึ่งกระทรวงการคลังจะถือว่าเป็นผลงานของสถาบันการเงินและอาจให้นำส่งเงินเข้าคลังน้อยลง
คาดว่ามาตรการกระตุ้นครั้งนี้ จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้สามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.5 ในขณะที่สำนักพยากรณ์เศรษฐกิจหลายสถาบันวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 3 เท่านั้นอีกมาตรการหนึ่งที่รัฐจะดำเนินการได้แก่ โครงการประกันรายได้พืชเกษตรรวม 5 ชนิด คือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีกรอบวงเงินประมาณ 600,000 -700,000 ล้านบาท
ข้าว มันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูการเพาะปลูกปี 2562 – 63 ราคาอาจจะไม่ตกต่ำมากนักเพราะสภาวะฝนแล้งในปี 2562 ทำให้มีน้ำใช้ในการเพาะปลูกน้อย ยังผลให้ปริมาณที่จะออกสู่ตลาดลดลงจะทำให้ราคาผลผลิตสูงขึ้น ส่วนยางและปาล์มน้ำมันนั้นราคาจะยังไม่ดีขึ้นเพราะความต้องการของตลาดโลกลดน้อยลงเนื่องจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธาณรัฐประชาชนจีน
เป็นที่คาดหมายว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ของกระทรวงการคลังน่าจะประสบผลสำเร็จด้วยดีและทำให้บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ตามเป้าหมายอย่างที่รัฐบาลต้องการประการสำคัญก็คือทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างที่ทุกฝ่ายตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง

'ดร.ส้ม' ลั่นไม่เคยเคลมผลงานใคร ยันลุยดัน กม.คุกคามทางเพศมาตั้งแต่ปี62
มีหนาว! คุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดีย มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ฉบับใหม่ กำหนดคุณสมบัติต้องห้าม ผู้ใหญ่บ้าน
สุริยะใส ย้อนเกล็ด เลือกตั้ง ไม่เอาลุง ครั้งนี้ ไม่เอาเทา คงได้ รัฐบาลเทวดา
แฉทุนจีนแย่งอาชีพคนไทย รุกธุรกิจเผาถ่านกะลามะพร้าว ทำผู้ประกอบการไทยเดือดร้อน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี