ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ให้คณะรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พิจารณาภายในสัปดาห์หน้าหรือภายในวันที่ 20 ส.ค.นี้ โดยมีวงเงินที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดรวม 50,000 ล้านบาท แต่อาจไม่สามารถใช้ได้เต็มวงเงินเนื่องจากเงินบางส่วน ต้องใช้ในโครงการที่ก่อหนี้ผูกพันจากปีงบประมาณ 2562 ด้วย
สำหรับมาตรการที่จะเสนอ ครม. ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดจะเสนอให้เงินคนไปเที่ยวเมืองรองคนละ 1,500 บาท โดยจ่ายผ่านการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะให้แก่ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพื่อนำไปเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง คาดว่าผู้ที่ได้รับเงินจะมีการใช้จ่ายมากกว่าคนละ 1,500 บาท ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000 -30,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีมาตรการเติมเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการหรือบัตรคนจนจะใช้งบประมาณราว 20,000 ล้านบาท เน้นช่วยกลุ่มคนชราและคนที่เข้าข่ายได้รับประโยชน์จากโครงการมารดาประชารัฐ โดยประเมินว่า จะมีการแจกเงินเพิ่มเติมในบัตรคนละประมาณ 1,000 บาท ในช่วงปลายปีเพื่อช่วยลดผลกระทบจากภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยคาดหวังว่า เงินดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากดีขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกันจะมีมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจโดยเน้นช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กที่เรียกว่า เอสเอ็มอี โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สนับสนุนด้านดอกเบี้ย หรือรับภาระดอกเบี้ยที่จะลดให้กับเอสเอ็มอีและเกษตรกร
ซึ่งกระทรวงการคลังจะถือว่าเป็นผลงานของสถาบันการเงินและอาจให้นำส่งเงินเข้าคลังน้อยลง
คาดว่ามาตรการกระตุ้นครั้งนี้ จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้สามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3.5 ในขณะที่สำนักพยากรณ์เศรษฐกิจหลายสถาบันวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 3 เท่านั้นอีกมาตรการหนึ่งที่รัฐจะดำเนินการได้แก่ โครงการประกันรายได้พืชเกษตรรวม 5 ชนิด คือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีกรอบวงเงินประมาณ 600,000 -700,000 ล้านบาท
ข้าว มันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูการเพาะปลูกปี 2562 – 63 ราคาอาจจะไม่ตกต่ำมากนักเพราะสภาวะฝนแล้งในปี 2562 ทำให้มีน้ำใช้ในการเพาะปลูกน้อย ยังผลให้ปริมาณที่จะออกสู่ตลาดลดลงจะทำให้ราคาผลผลิตสูงขึ้น ส่วนยางและปาล์มน้ำมันนั้นราคาจะยังไม่ดีขึ้นเพราะความต้องการของตลาดโลกลดน้อยลงเนื่องจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธาณรัฐประชาชนจีน
เป็นที่คาดหมายว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ของกระทรวงการคลังน่าจะประสบผลสำเร็จด้วยดีและทำให้บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ตามเป้าหมายอย่างที่รัฐบาลต้องการประการสำคัญก็คือทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างที่ทุกฝ่ายตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี