ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 4 ของชาติในทวีปเอเชียที่สามารถคุยได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นประเทศเอกราชที่สมความภาคภูมิเพราะราชอาณาจักรไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นหรืออาณานิคมของประเทศใด โดยเฉพาะอาณานิคมของชาติมหาอำนาจตะวันตก ซึ่งในเอเชียตะวันออกกลางและแปซิฟิกนี้ มีเพียงตุรกี, ญี่ปุ่น, จีน และไทยเท่านั้น ส่วนประเทศอื่นๆ นอกจาก 3 ประเทศนี้ ล้วนแค่เคยเป็นดินแดนอาณานิคมของชาติฝรั่งผมแดงทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, รัฐฮาวาย, กวม,เกาหลี, แมนจูเรีย, อินเดีย, เมียนมา, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์,อินโดนีเซีย, ไต้หวัน, เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา, ติมอร์,นิวกินี, บรูไน, สิงคโปร์, อิรัก, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน,ศรีลังกา, เนปาล, สิกขิม, ภูฏาน ฯลฯ ล้วนเป็นรัฐอาณานิคมหรือรัฐในอารักขาของชาติตะวันตก เช่น สหราชอาณาจักร,สเปน, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, เดนมาร์ก, นอร์เวย์, เยอรมนี ฯลฯ
สำหรับราชอาณาจักรไทยนั้นสามารถรอดพ้นจากการต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกที่มักชอบอ้างคำว่าประชาธิปไตยบังหน้าอยู่ในขณะนี้เพราะพระปรีชาสามารถและพระราชวิเทโศบายของพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระราชวงศ์จักรีรวม 4 พระองค์ ซึ่งได้แก่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีหลักฐานปรากฏว่ามหาอำนาจ 2 ชาติ คือ สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้มีการตกลงกันลับๆพร้อมจะแบ่งพื้นที่ราชอาณาจักรไทยเป็น 2 ส่วน โดยใช้การแบ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งขวาของแม่น้ำหรือตะวันออกเป็นของฝรั่งเศสทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำหรือตะวันตกเป็นของสหราชอาณาจักร พระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงทราบถึงอันตรายของมหาอำนาจตะวันตกเป็นอย่างดี
องค์พระมหากษัตริย์ไทยของเราได้หาทางป้องกันประเทศด้วยการเสด็จประพาสยุโรปได้มีสัมพันธไมตรีกับพระประมุขของมหาอำนาจหลายชาติ เช่น จักรวรรดิรัสเซีย, ราชอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี, ราชอาณาจักรเยอรมัน หรือปรัสเซีย และราชอาณาจักรตุรกี เพื่อเป็นที่พึ่งคานอำนาจกับฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร พร้อมกันนี้ได้มีการจัดตั้งกองทัพไทยในรูปแบบชาติตะวันตกมีการส่งเจ้านายในพระราชวงศ์และนักเรียนไทยไปเรียนวิชาทหารในหลายประเทศ
พร้อมกับปรับปรุงสถานภาพและโครงสร้างกองทัพไทยทั้งทางบก,ทางเรือและทางอากาศเพิ่มกำลังพลและฝึกซ้อมการรบเพิ่มอาวุธสงครามพร้อมให้กองทัพป้องกันประเทศจากการรุกรานของชาติมหาอำนาจและได้มีการออกพระราชบัญญัติการเกณฑ์ทหารเข้าเป็นทหารประจำการในกองทัพทั้ง 3 เหล่า ซึ่งทำให้ในสมัยมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพไทยได้แสดงให้มหาอำนาจตะวันตกเห็นว่ามีศักดิ์ศรีและมีกำลังพร้อมต่อสู้ป้องกันประเทศชาติ
ภายหลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบันกองทัพยังคงเป็นหน่วยงานหลักในการปกป้องอธิปไตยของชาติให้รอดพ้นจากการรุกรานและอริราชศัตรูถ้าหากกองทัพไม่เข้มแข็งไทยก็อาจจะต้องสูญเสียอธิปไตยของชาติ หรืออาจจะมีสงคราม ดังนั้นกองทัพจึงยังคงเป็นเสาหลักในการดำรงความเป็นชาติไม่ควรลืมความเสียสละของทหารเป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี