เมื่อแรกเริ่มเดิมทีที่เกิดกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้ง
เพราะถือหุ้นสื่อมวลชน ทุกคนคงทรงจำได้ว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โต มีการเสนอข่าวเรื่องราวดุจดั่งเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ฟ้าจะถล่มแผ่นดินทลายปานนั้น
โหมกระแสกระหน่ำกันว่าเรื่องราวจะไปถึงขั้นยุบพรรคหรือติดคุกทั้งลูกทั้งแม่ เป็นข้อหาฉกาจฉกรรจ์ยิ่งกว่าการโกงชาติขายชาติทั้งหลายที่เคยมีมาในบ้านเมือง
แต่เจ้ากรรมผลการเลือกตั้งปรากฏว่าเกิดการพลิกล็อกครั้งประวัติศาสตร์ พรรคอนาคตใหม่ซึ่งเพิ่งจัดตั้งและอยู่ในเยาว์วัยอ่อนหัดในทางการเมืองในทุกทางกลับได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้รับเลือกตั้งมากกว่าพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ตั้งมาเกือบทุกพรรค
จากนั้นก็เกิดกระแสสกัดไม่ให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เหยียบบันไดสภา จนเป็นข่าวลือฮือฮาสนั่นลั่นบ้านเมือง ประหนึ่งว่าการเป็น สส. และทำหน้าที่ สส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะทำให้บ้านเมืองพินาศวายวอดได้ในพริบตา
ดังนั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงถูกสั่งห้ามมิให้ทำหน้าที่ สส. ตั้งแต่ก่อนวันเปิดประชุมสภา
แต่ด้วยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจึงไม่สามารถสกัดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ให้เหยียบบันไดสภาได้ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ สส. ต้องไปถวายสัตย์ปฏิญาณตนตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติในการพิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก
นั่นเป็นเรื่องของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่ทว่ากรณีแบบเดียวกันนี้มิได้มีขึ้นเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คนเดียว แต่การกลับกลายเป็นว่ามี สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมทั้ง สว. เกือบ 150 คน ถูกร้องเรียนให้มีการตรวจสอบไต่สวนและยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาในข้อหาเดียวกันกับที่กล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ครั้นเหตุการณ์บานปลายจนปรากฏแก่สาธารณชนอย่างชัดแจ้งว่ากรณีแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับ สส. และ สว. จำนวนมาก และต่างคนต่างก็ได้เห็นแบบอย่าง ทั้งระยะเวลาการดำเนินการและการที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว จึงเกิดความหวาดผวาขึ้นทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะถ้าหากทุกคนประสบชะตากรรมแบบเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็จะเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ในทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะจะมี สส. และ สว. เหลืออยู่จำนวนไม่มาก และจำนวนเสียงของรัฐบาลและฝ่ายค้านก็จะเปลี่ยนแปลงไป จนกระทบต่อเสถียรภาพและการดำรงอยู่ของรัฐบาลด้วย ซึ่งเป็นกรณีที่ทุกคนรวมทั้งสาธารณชนได้เห็นประจักษ์พร้อมกันแล้วว่ากรณีดังว่านี้น่าจะเป็นเรื่องความผิดพลาดในการออกแบบและในการร่างรัฐธรรมนูญ
ทั้งจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวงขึ้นต่อส่วนรวมและประเทศชาติ ดังนั้น การปลุกเร้าโหมกระแสแบบที่เคยกระทำกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงสร่างซาเงียบหายไป และ ณ ถึงวันนี้เรื่องนี้ก็เงียบหายไปกับสายลม ไม่มีใครพูดถึงอีกแล้ว
แต่ทว่าเรื่องแบบนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบไต่สวนและมี สส. สว. จำนวนร่วมร้อยคนที่ถูกส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหยุดกระบวนการเหล่านั้นได้
เพราะการดำเนินการตามกระบวนการต่างๆ ย่อมต้องดำเนินการต่อไป และต้องออกผลไปในทางใดทางหนึ่ง จะปล่อยให้เงียบหายไปชนิดที่ไม่พูดกันแล้วจะกลบเรื่องให้เงียบหายไปนั้นไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้ เพราะสังคมและสาธารณชนกำลังจับจ้องมองอยู่ว่ากรณีเรื่องแบบนี้จะเป็นประการใด และบรรทัดฐานจะเป็นประการใด ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะระยะเวลาการดำเนินการ ซึ่งจะต้องถือบรรทัดฐานเดียวกันและต้องใช้เวลาไม่แตกต่างกันมาก รวมทั้งมาตรฐานในการทำหน้าที่ต่อไปหรือหยุดทำหน้าที่ก็เป็นเรื่องที่สาธารณชนกำลังจับจ้องมองชนิดตาไม่กะพริบ อย่าคิดว่าประชาชนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ดังนั้นกรณีเรื่องนี้จึงสมควรดำเนินการให้ได้ข้อยุติให้เป็นบรรทัดฐานอย่างเดียวกันว่าสิ่งที่เรียกว่า “สื่อมวลชน” นั้นคืออะไร การใช้โซเชียลมีเดียทั้งลักษณะเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรืออินสตาแกรมและอื่นๆ ซึ่งสามารถสื่อสารกับมวลชน มีอานุภาพยิ่งกว่าหนังสือพิมพ์และทีวี จะถือว่าเป็นสื่อมวลชนหรือไม่
การที่หนังสือบริคณห์สนธิระบุว่าประกอบธุรกิจสื่อมวลชน แต่ความจริงไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อมวลชน หรือไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อมวลชนตามแบบที่ได้ยื่นจดทะเบียนไว้กับทางราชการ คือแบบ สสช. 1 หรือแบบ สสช. 1 ขอจดทะเบียนทำธุรกิจอย่างอื่น จะถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นสื่อมวลชนหรือไม่
การโอนหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อที่มีแบบบัญญัติไว้เฉพาะในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้การโอนเป็นอันสมบูรณ์เมื่อคู่สัญญาได้ลงนามต่อหน้าพยาน
จะสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงอันขัดต่อหลักกฎหมายในการรับฟังพยานหลักฐานได้หรือไม่
ความสมบูรณ์ของการโอนหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อตามแบบที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติ และยังบัญญัติให้มีผลผูกพันบุคคลภายนอก หรือใช้ยันบุคคลภายนอกได้ เมื่อได้ลงทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้ว จะไม่ยอมรับนับถือบทบัญญัติดังกล่าวนี้และไปตั้งกติกาใหม่ว่าต้องถือการยื่นแบบ บอจ.5 ซึ่งเป็นแบบยื่นบัญชีผู้ถือหุ้นประกอบงบการเงินประจำปีแทนได้หรือไม่
เหล่านี้เป็นปัญหาที่กำลังท้าทายกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะนักวิชาการทางนิติศาสตร์ที่จะเกิดผลกระทบทางบวกและทางลบต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง
กรณีเรื่องนี้ถึงจะลดกระแสหรือดับกระแสอย่างไร แต่กระบวนการทางกฎหมายยังคงต้องดำเนินการต่อไปในท่ามกลางความท้าทายนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี