มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผสม 17 พรรค ที่ใช้งบประมาณ 310,000 ล้านบาท ภายใต้การนำพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลำดับที่ 29 สมัยที่ 2 ที่ออกเป็นแพ็กเกจใหญ่ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2562 ถูกสื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักการเมืองที่เป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ผล แก้ปัญหาไม่ตรงจุดเงินไม่ถึงฐานราก
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาลเป็นมาตรการชั่วคราวเน้นไปที่ภาคการบริโภคและภาคการท่องเที่ยว เป็นมาตรการสูตรเดิมๆ ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้อาจช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนได้บ้างและไม่น่าจะได้ผลมากนักเพราะเศรษฐกิจไทยมีโครงสร้างผูกขาดสูง
มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกระจุกตัวโครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาภายนอกสูงต้องแก้ไขโดยลดอำนาจผูกขาดและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้พึ่งพาตลาดภายในให้มากขึ้นนอกจากนี้แนวโน้มการค้าโลกนั้นชะลอตัวลงไปมากกว่าเดิม สิงคโปร์เป็นระบบเศรษฐกิจที่ชี้ทิศทางการชะลอตัวของการค้าโลกได้เป็นอย่างดีโดย คาดว่า สิงคโปร์จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาส 3 ในปีนี้หลังจากที่จีดีพีไตรมาส 2 ได้ติดลบ 3.3%
ในส่วนของมาตรการแจกเงิน 1,000 บาท โดยมีเป้าหมายไว้ 10 ล้านคน สำหรับการท่องเที่ยวเมืองรองนั้น หากมีคนมาลงทะเบียนตามเป้าหมายจริงรัฐบาลจะใช้งบประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท สำหรับ กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองได้บ้าง แต่เงิน 1,000 บาท จะหมดไปกับค่าเดินทางและค่าน้ำมันและไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อประชาชนรับเงินไปแล้วจะไปเที่ยวเมืองรองตามนโยบายหรือไม่
ประชาชนระดับฐานรากที่ควรเป็นกลุ่มเป้าหมายที่รัฐต้องดูแลอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก ยังเป็นการแก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุดไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย การแจกเงินแบบนี้ในที่สุดเงินจะลงไปที่โรงแรม ร้านอาหารหรือร้านของฝากใหญ่ๆ คนที่ได้ประโยชน์จากงบแจกเงินเที่ยวจะไม่ใช่กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ดังนั้น นโยบายแจกเงินให้เที่ยวจึงเป็นนโยบายที่ไม่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ภาพรวมและน่าจะเป็นนโยบายที่มีปัญหาในเรื่องกรอบความคิดในการกำหนดนโยบาย เป็นกรอบความคิดในการแก้ปัญหาแบบแยกส่วน ปัญหาท่องเที่ยวของไทยทรุดตัวเป็นผลจากกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัวอย่างแรงมากกว่าการแจกเงินให้เที่ยวจึงไม่ได้ช่วยอะไรมากนักค่าเงินบาทแข็งมากทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยลดลงทำให้รายได้ในภาคการท่องเที่ยวไม่สูงเท่าปี 2561 ที่ผ่านมา
เรื่องที่น่าห่วงคือไทยมีรายได้ประชาชาติที่พึ่งพาการส่งสินค้าออกและการท่องเที่ยวรวมกันกว่าร้อยละ 60 มาหลายปีแล้วต้องเร่งเพิ่มรายได้ประชาชาติจากการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนรวมไปถึงการให้เศรษฐกิจฐานรากมีรายได้เพิ่มซึ่งการอัดฉีดโดยตรงเป็นมาตรการที่ถูกต้อง
ส่วนหนึ่งแล้วรัฐน่าจะมองไปที่การมีโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ซึ่งนอกเหนือจากอีอีซีในภาคตะวันออกนั่นคือโครงการเอสอีซีในภาคใต้เพื่อเพิ่มให้ประเทศมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี