ช่วงนี้เป็นเทศกาลหน้าฝน ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีฝนตกมามากกว่าปกติ โดยเฉพาะในปีนี้ช่วงต้นปีฝนจะน้อย กลางปีจะมาก และปลายฝนก็จะยิ่งมากขึ้น ดังนั้น การที่ฝนตกมากในช่วงนี้จึงไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์อันใด แต่เป็นปกติที่มีมาช้านานแล้ว
และเป็นธรรมดาของสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยว่าตั้งแต่ช่วงกลางเทศกาลหน้าฝนไปจนกระทั่งถึงเดือนอ้ายข้างแรมจะมีลมมรสุมแทรกมาเป็นระลอกๆ จะหนักบ้าง เบาบ้างก็เป็นไปตามธรรมชาติที่มีมาช้านานแล้วเช่นเดียวกัน
และทิศทางแห่งลมมรสุมของประเทศไทยนั้นย่อมมีปกติที่ลมมรสุมจะเริ่มพัดมาทางด้านเหนือและอีสานก่อน จากนั้นก็ค่อยคล้อยลงมายังภาคกลาง แล้วเคลื่อนไปยังภาคใต้ในช่วงปลายเทศกาลฝน นี่เป็นธรรมชาติของประเทศไทยซึ่งอยู่ใกล้แถบเส้นศูนย์สูตร และเป็นเรื่องที่คนไทยเขาก็รู้กันมาช้านานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเรื่องลี้ลับอันใดเลย เป็นแต่ว่าใครจะใส่ใจมากและน้อยเท่านั้น
โบราณว่าซึ่งจะทำการใหญ่นั้นนอกจากจะต้องรู้สถานการณ์ รู้ธรรม รู้คนแล้ว จะต้องรู้ภูมิประเทศและภูมิอากาศให้กระจ่างด้วยจึงจะทำการใหญ่ได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ใช่ฝนตกก็กลัว ฝนแล้งก็กลัว แล้วโหวกเหวกโวยวายแบบกระต่ายตื่นตูมหรือแบบไร้สติดังที่ปรากฏให้เห็นเป็นเนืองนิตย์
และอย่าคิดว่าคนไทยชาชินกับการแสดงลิเกในเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าหน้าแล้งหรือหน้าฝน ก็จะมีคนไปตีฆ้องร้องป่าวสร้างข่าวออกโทรทัศน์ แสดงเป็นผู้รักหวงห่วงประชาชน แต่ในความเป็นจริงไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ ให้ลุล่วงไปเลยแม้แต่สักเรื่องเดียว
เป็นเวรกรรมของคนไทยและประเทศไทยที่เทศกาลแล้ง เทศกาลฝน เทศกาลน้ำท่วมหรือภัยแล้งกลับไม่มีใครคิดอ่านแก้ไขปัญหา คิดอ่านแต่จะหาเสียง หรืออย่างมากก็คิดอ่านแค่เยียวยาเพื่อหาเสียงเช่นเดียวกัน ดังนั้น ปัญหาทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมจึงเป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นทุกปี ทุกเทศกาล และเกิดความเสียหายมากขึ้นโดยลำดับ
และถึงวันนี้ก็ยังคงกล่าวได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีใครคิดอ่านแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมให้กับประเทศไทย ทำกันแต่การหาเสียงสร้างภาพอันไร้แก่นสารสาระทั้งสิ้น
มิหนำซ้ำ ยังคะนองพูดจาประหนึ่งว่าไม่รู้ไม่เข้าใจในความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของอาณาประชาราษฎรที่กำลังทุกข์ยากทรมานอยู่กับภัยต่างๆ
ก่อนหน้านี้เดือนสองเดือน พื้นที่ที่กำลังถูกน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้เป็นพื้นที่ที่เผชิญกับปัญหาภัยแล้ง ผืนแผ่นดินแตกระแหง เมื่อประกอบเข้ากับพวกอุตริที่ริอ่านไปประกาศฤดูฝนอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แล้วชักชวนให้พี่น้องเกษตรกรเร่งเพาะปลูก จึงทำให้พี่น้องเกษตรกรหลงเชื่อเพาะปลูกก่อนฤดูกาล จึงทำให้พืชพันธุ์ที่ปลูกไถหว่านไว้ตายเรียบราบ
เกิดเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เพราะทุนรอนก็ลงไปในการเพาะปลูกฤดูกาลใหม่แล้ว ครั้นเสียหายก็ไม่มีทุนรอนที่จะทำต่อ ตั้งตารอความช่วยเหลือตามที่เป็นข่าวก็เงียบหายไป และไม่ทันไรเมื่อฝนเทหนักมา พื้นที่เหล่านั้นก็เกิดภัยน้ำท่วมซ้ำเข้ามาอีก
จึงเป็นอันว่าที่จะเพาะปลูกฤดูกาลใหม่นั้นก็ไม่ได้ทำ เพราะถึงทำตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว เนื่องจากน้ำท่วมไร่นาสาโทจนหมดสิ้น ครั้นรอจนน้ำเหือดแห้งก็เพาะปลูกไม่ได้ เพราะจะล่วงเลยเทศกาลฝนเข้าสู่เทศกาลแล้ง ขืนลงทุนเพาะปลูกก็จะเสียหายซ้ำเติมเข้าไปอีก
ดังนั้นจึงพอจะคาดหวังได้แล้วว่าในปีหน้านี้คงจะเกิดเหตุข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายชุกชุม ราษฎรเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าโดยมิพักต้องสงสัย
ครั้นน้ำท่วมหนักมาก็มีคนไปพูดให้เจ็บใจซ้ำเข้าไปอีก นั่นคือการแนะนำให้ราษฎรกักเก็บน้ำไว้เพื่อเลี้ยงปลาแทนการทำไร่นา ทั้งๆ ที่พื้นที่นั้นเพิ่งเผชิญภัยแล้งมาหยกๆ
ราษฎรได้ยินคำแนะนำอย่างนี้แล้วก็คงหมดอาลัยตายอยาก เพราะสภาพพื้นที่นั้นบัดนี้มีน้ำท่วมก็เป็นแค่เรื่องชั่วคราว ทั้งก่อนและหลังจากนี้ไปก็ไม่มีน้ำในการเพาะปลูกทางการเกษตร แม้จะปลูกมันสำปะหลังหรือปลูกข้าวปลูกอ้อยก็ไม่มีน้ำเพียงพอ จนต้องห้ามชาวบ้านทำนากันมาก่อนแล้ว ดังนั้น จึงไม่เป็นวิสัยที่จะเก็บน้ำเอาไว้ได้
และพื้นที่ทำไร่นานั้นย่อมไม่ใช่พื้นที่เลี้ยงปลาเป็นแน่ เพราะการจะเลี้ยงปลานั้นมีลักษณะการเลี้ยงสองอย่าง คือการเลี้ยงอย่างธรรมชาติที่เอาพันธุ์ปลามาปล่อยในไร่นาให้ปลาเติบโตไปกับข้าว ซึ่งต้องทำตั้งแต่ช่วงเทศกาลหน้าฝน และวิธีการแบบนี้ก็นิยมใช้กันมากในเวียดนาม
แต่ทว่าในประเทศไทยของเรานั้นใช้ไม่ได้เพราะแผ่นดินของเราอาบยาพิษ ที่ขบวนการอำมหิตให้นำเข้าสารพิษมาทำร้ายประชาชน ผืนแผ่นดินจึงเป็นพิษขืนเอาปลาไปเลี้ยงก็จะตายด้วยสารพิษหมดไม่เหลือหลอ อย่างนี้ยังจะแนะนำให้เลี้ยงปลาอีกหรือ
การเลี้ยงปลาแบบที่สองก็คือการเพาะเลี้ยงโดยทำเป็นฟาร์มเป็นบ่อที่เลี้ยงกันเป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งการเลี้ยงแบบนี้ก็ต้องดูกันก่อนว่าจะเลี้ยงปลาอะไร กล่าวโดยสรุปก็คือจะเลี้ยงปลาน้ำจืด น้ำกร่อย หรือน้ำเค็ม
เพราะสภาพพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานนั้นไม่มีน้ำเค็ม จึงไม่มีน้ำกร่อยด้วย แม้บางพื้นที่จะมีเกลือสินเธาว์ แต่ก็ไม่ใช่เกลือทะเลที่เหมาะสมแก่การเลี้ยงปลาน้ำเค็มหรือปลาน้ำกร่อย
ดังนั้นสภาพของภาคเหนือและภาคอีสานจะเลี้ยงได้ก็แต่ปลาน้ำจืด ซึ่งต้องมีน้ำสะอาด มีน้ำมากพอและมีทุกฤดูกาล ซึ่งสภาพในพื้นที่ที่เป็นอยู่นั้นพ้นฝนไปแล้วก็จะเข้าเทศกาลแล้งและเทศกาลหน้าร้อนต่อไป จะเอาน้ำที่ไหนมาเลี้ยงปลา ใครขืนไปเลี้ยงปลาก็จะพาวินาศสันตะโรอย่างแน่นอน
นี่คือความเป็นไปในบ้านเมืองของเราทุกวันนี้ ซึ่งปีนี้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะไปหลงเชื่อฤดูฝนอย่างเป็นทางการ จนข้าวกล้าในนาพินาศสิ้นแล้ว ยังจะถูกภัยน้ำท่วมซ้ำเข้ามาอีก ดังนั้น อย่าได้ไปเลี้ยงปลาในที่ดอนอีกเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี