รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น “ประเทศที่พัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21” ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน เกษตรกรต้องกินดีอยู่ดี มีรายได้ และพัฒนาประเทศให้หลุดพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของชาวบ้านที่กำลังเผชิญทั้งภัยพิบัติ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนี้นอกระบบและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นติดอันดับ 11 ของโลก ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลให้ความสนใจเป็นพิเศษ และจำเป็นต้องเร่งแก้ไข จึงเป็นที่มาของการอัดฉีดเม็ดเงินและประกันราคาสินค้า เพื่อสร้างหลักประกันทางรายได้ให้กับชาวนาและชาวสวนปาล์มจำนวนกว่า 3.4 หมื่นล้าน
นอกจากนี้ ยังได้การวางนโยบายเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรด้วยการพัฒนานวัตกรรม ให้เป็นเกษตรแบบยุคใหม่ ช่วยลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร นโยบายที่เป็นรูปธรรม เห็นได้ชัดเจนแล้วคือเรื่อง “กัญชาทางการแพทย์” ที่กระทรวงสาธารณสุขเร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี “กัญชา” “กัญชง” รวมถึงพืชสมุนไพรเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรได้อีกทางหนึ่ง
ฟากฝั่งกระทรวงการคลัง ล่าสุด นายสันติ พร้อมพัฒน์รมช.คลัง เสนอแนวคิดให้พัฒนาวิจัยนำใบยาสูบไปหาคุณสมบัติพิเศษที่เป็นประโยชน์ เช่น ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชนิโคตินเหลว และ ปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าใบยาสูบ พร้อมสั่งให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ผูกขาดการผลิตบุหรี่มวนในประเทศไทย เพิ่มความเชี่ยวชาญ พัฒนาการตลาด พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น เพื่อรับมือกับการสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ภายหลังจากที่กลุ่มเกษตรกรชาวไร่ยาสูบจากจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดสุโขทัยกว่า 100 คน ขอเข้าพบและยื่นหนังสือร้องเรียนถึงปัญหาที่การขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบ เป็น 40% ส่งผลให้มีการตัดโควตารับซื้อใบยาสูบลง 50% เป็นเวลา 2 ปี โดยยื่น 4 ข้อเสนอให้กระทรวงการคลัง 1.ยกเลิกการขึ้นภาษี 40% 2.ทำแผนขยับขึ้นภาษีแบบขั้นบันได 3.ส่งเสริมการปลูกกัญชง-กัญชาเพื่อเป็นพืชทดแทนให้กับชาวไร่ยาสูบ และ4.จ่ายเงินชดเชยจากการถูกลดโควตารับซื้อใบยาจากชาวไร่ลงเหลือเพียง 12 ล้านกิโลกรัม จากเดิมที่เคยรับซื้อ24 ล้านกิโลกรัมต่อปี
นอกจากนี้ เตรียมหารือกรมสรรพสามิตพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการขึ้นภาษีให้เกิดความเหมาะสม หรือเป็นแบบขั้นบันได และส่งเสริมการเพาะปลูกพืชอื่นๆแทนอย่างเป็นระบบ
ถือเป็นนโยบายก้าวหน้า ออกจากกรอบคิดเดิมๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาผลกระทบจากการขึ้นภาษียาสูบได้ เพราะก็รู้ๆ กันว่า ปัญหาเกษตรกรขาดรายได้ ปัญหารัฐวิสาหกิจไม่สามารถแข่งขันกับเอกชนได้ การที่รัฐบาลเข้าไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนอาจช่วยแก้ปัญหาได้เฉพาะหน้าเท่านั้น
ถ้ามองถึงการแก้ปัญหาระยะยาวกันแล้ว การทำแผนภาษีที่ค่อยๆ ทยอยขึ้นแบบช้าๆ ขณะเดียวกันก็ยกระดับ ยสท. สู่องค์กรนวัตกรรม และสนับสนุนให้ชาวไร่มีพืชทดแทนอื่นๆ ที่เหมาะสม ก็น่าจะเป็น “ทางออก” ที่จะทำให้ชาวไร่ก้าวข้ามปัญหาปากท้องได้อย่างยั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี