มั่นใจว่าทุกมหาวิทยาลัยมีตำนานสยองขวัญหรือเรื่องลึกลับเล่าสู่กันฟัง ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยในไทยหรือในอเมริกา อย่างตำนานวิญญาณในลิฟท์แดงที่ธรรมศาสตร์ แล้วมหาวิทยาลัยในอเมริกาล่ะ มีเรื่องสยองขวัญแบบนี้บ้างไหน...? อยากบอกว่ามีเยอะไม่แพ้ที่ใดในโลกเลยเหมือนกัน
มหาวิทยาลัยซินซินเนติในรัฐโอไฮโอมีรูปปั้นสิงโตหิน 2 ตัวมีชื่อว่า “Mick & Mack” ตั้งอยู่ด้านหน้า McMicken Hall นักศึกษาบางคนเล่าว่าได้ยินเสียงสิงโตคำรามกลางดึก บ้างก็บอกว่ารูปปั้นจะขยับ เมื่อหญิงสาวบริสุทธิ์หรือพวกหัวขโมยเดินผ่าน เอ๊ะ..แบบนี้ไม่ได้นะจ๊ะ แบบนี้สาวๆ ที่ไหนจะกล้าเดินผ่านล่ะ
ส่วนมหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกนมีภาพวาดของพระแม่มารี นักศึกษาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเวลาเดินผ่านห้องนี้ พระแม่มารีจะจ้องเขม็งแล้วกรอกตาตามนักศึกษาเวลาเดินจากไป แสดงว่าวาดได้เหมือนจริงจนหลอนนั่นเอง
นักศึกษามหาวิทยาลัยหลายแห่งในอเมริกาเชื่อว่าใต้มหาวิทยาลัยของตนมีอุโมงค์ลับซ่อนอยู่ จึงพยายามสร้างเรื่องราวนำไปสู่เรื่องลึกลับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องใต้ดินสำหรับขังนักโทษ หรือห้องลับสำหรับพิธีบูชายันต์ ซึ่งตำนานความเชื่อเหล่านี้เป็นที่ฮือฮาสุดๆ ประมาณเล่าไปเหลียวหน้าเหลียวหลังล่อกแล่กไปประมาณนั้น
นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเชื่อว่ามีห้องใต้ดินสำหรับขังนักโทษอยู่ใต้มหาวิทยาลัย แต่นั่นเป็นจริงเพียงบางส่วน เพราะมีอุโมงค์ใต้มหาวิทยาลัยจริง แต่เป็นเพียงอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการสาธารณนูปโภคของมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่ใช่อุโมงค์สำหรับกักขังนักโทษแต่อย่างใด
มีตำนานและเรื่องเล่าแบบนี้เหมือนกันที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบนา-แชมเปญจน์ นักศึกษาเชื่อว่าใต้อาคารเรียนภาษาต่างประเทศในมหาวิทยาลัยมีห้องแห่งความลับที่มีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ซ่อนอยู่ คล้ายๆ เป็นฐานทัพลับของรัฐบาลอะไรแบบนั้น ส่วนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในบ้านเราก็มีเรื่องราวอุโมงค์ซ่อนปืนใหญ่เหมือนกัน
บางมหาวิทยาลัยมีความเชื่อแนวผีหลอกวิญญาณหลอน เพราะเชื่อกันว่าวิญญาณอาจารย์ที่เสียชีวิตในปี 1960s ยังคงสิงสถิตอยู่ในมหาวิทยาลัยซินซินเนติ โดยเฉพาะในห้องสมุดหนังสือหายาก นักศึกษาส่วนใหญ่เล่าว่ารู้สึกเหมือนมีคนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา อยู่ๆ ขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ ช่วงกลางคืน ถ้านักศึกษาคนไหนนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ มักจะได้ยินเสียงแปลกๆ ที่หาต้นตอของเสียงไม่ได้
นอกจากเรื่องหลอนของบรรดาศาสตราจารย์แล้ว เรื่องสยองของนักศึกษาก็ไม่แพ้กันในแต่ละมหาวิทยาลัย นักศึกษาหญิงคนหนึ่งฆ่าตัวตายในสระว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบนา-แชมเปญจน์ สาเหตุการฆ่าตัวตายเกิดจากเธอตั้งท้องในวัยเรียน แถมแฟนไม่ยอมรับ ปล่อยให้หญิงสาวเผชิญปัญหาเพียงลำพัง จึงได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายพร้อมกับลูกน้อยในท้อง นักศึกษาหลายคนเชื่อว่าวิญญาณของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ โดยเฉพาะในตึกอาคารเรียนภาษาอังกฤษ เพราะมักมีคนพบเห็นเธออยู่สมอ
ในมหาวิทยาลัยโอไฮโอ หอพักนักศึกษาเก่าที่ตึกวิลสัน ฮอลล์ ร่ำลือกันว่าผีดุมาก เพราะเกิดเรื่องสยดสยองพองขนที่ห้อง 428 ซึ่งปัจจุบันห้องนี้กลายเป็นห้องเครื่องควบคุมระบบไปแล้ว
ช่วงที่ห้อง 428 ยังเป็นห้องพักนักศึกษานั้น นักศึกษาหญิงคนหนึ่งฝึกมนต์ดำบูชาซาตานในห้อง น่าแปลกที่ประตูไม้ของห้องนึ้มีลายไม้ที่ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นรูปหน้าคล้ายซาตาน มักได้ยินเสียงสวดมนต์ดังมาจากห้องนั้นทุกคืน วันหนึ่งนักศึกษาหญิงรายนั้นฆ่าตัวตาย แต่ก่อนเสียชีวิต เอาเลือดตัวเองเขียนฝาผนังเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสตร์มืดที่ไม่มีใครอ่านออก
นักศึกษารุ่นหลังทนอยู่ในห้องพักนั้นไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว เพราะได้ยินเสียงสวดมนต์และเสียงประตูเปิดปิดเองอยู่ตลอดเวลา บางทีรู้สึกว่ามีมือลึกลับมาจับต้องเนื้อตัว วันดีคืนดีก็มีสัญลักษณ์ประหลาดที่เขียนด้วยเลือดปรากฏบนผนัง สุดท้ายทางมหาวิทยาลัยต้องรื้อผนังห้องดังกล่าวลง โดยทำเป็นห้องควบคุมระบบแทน วันดีคืนดีมีนักศึกษาอยากลองของเข้าไปในห้องนั้น มักเจอประสบการณ์ประหลาดอย่างเสียงทุบประตูหรือเสียงประตูปิดเปิดเอง
มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียเป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อว่าเฮี้ยน เพราะวิญญาณคณบดีคนเก่าที่แม้เสียชีวิตไปแล้วยังชอบมานั่งดูการแสดงที่โรงละครเป็นประจำ มีคนเคยเห็นเก้าอี้ในโรงละครนั้นถูกพับลงมาเหมือนมีคนนั่งทั้งๆที่ว่างเปล่า แหม..ตายแล้วยังห่วงดูละครอีกนะ
นอกจากนี้ยังมีวิญญาณหญิงสาวชื่อเบตซี่ อาร์ดามา ซึ่งถูกฆ่าตายอย่างมีเงื่อนงำ เบตซี่นั้นเดิมทีเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน ต่อมาเกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องในมิชิแกน โดยฆาตกรเจาะจงฆ่าเฉพาะผู้หญิง ฆาตกรลึกลับรายนั้นใช้ชื่อว่า The Co-Ed Killer
พ่อแม่จึงย้ายเบตซี่ไปเรียนที่มหาลัยเพนซิลเวเนียแทน ตัวเธอเองก็อยากใกล้ชิดกับแฟนหนุ่มที่เรียนอยู่ที่นั่นด้วย วันหนึ่งเธอไปที่ห้องสมุด จู่ๆก็ถูกจ้วงแทงด้วยมีดจนทรุดฮวบ ส่วนฆาตกรเผ่นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนคิดว่าผู้ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มิชิแกน แต่หนึ่งปีต่อมา ตำรวจจับฆาตกรได้ ชายคนนั้นชื่อว่าจอห์น นอร์แมน คอลลินส์ ซึ่งให้การรับสารภาพว่าเป็นฆาตกรสังหารหมู่ในมิชิแกนจริง แต่ไม่เคยไปเพนซิลเวเนียเลย ในปี 1970 ตำรวจของมหาวิทยาลัยได้รับโปสการ์ดปริศนาเขียนว่า “แกไม่เคยจับฆาตกรที่ฆ่านังนั่นในห้องสมุดได้หรอก”
ต่อมาในปี 1994 ในวันที่ครบรอบ 25 ปีที่ฆาตกรยังคงลอยนวล เจ้าหน้าที่ห้องสมุดพบเทียนไขจุดไว้บริเวณทางเดินที่เบตซี่สิ้นใจตาย หน้าเทียนไขมีข้อความเขียนไว้ว่า
“สู่สุขคตินะ เบตซี่ อาร์ดามา ชาตะ : วันที่ 11 กรกฎาคม 1674 มรณะ : วันที่ 28 พฤศจิกายน 1969..เฮ้..ข้ากลับมาแล้ว”
แม้ว่ายังไม่สามารถจับฆาตกรลึกลับได้ แต่มีคนเจอวิญญาณของเธอบนชั้นสองของห้องสมุด บางคนรู้สึกเหมือนใครข่วนที่ต้นคอ บ้างก็เห็นหนังสือเลื่อนไปเลื่อนมาขยับได้เอง พนักงานห้องสมุดคนหนึ่งบอกว่า รู้สึกเหมือนมีบางคนมาแตะต้อง แต่พอหันไปดูก็ไม่มีใคร กลับบ้านก็รู้สึกเหมือนมีคนตามมา พอล้มตัวลงนอนที่ห้องรู้สึกเหมือนมีคนมาบีบคอ วันรุ่งขึ้นจึงไปลาออกจากห้องสมุดแห่งนี้อย่างไม่ลังเล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี