โลกโซเชียล ได้มีการแชร์กระหึ่มเนื้อหาคำพูดบางช่วงบางตอนของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กล่าวถึงความรู้สึกในระหว่างพิธีรับมอบทองคำแท่ง เข้าคลังแผ่นดิน ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯผ่านช่อง Thai PBS เมื่อเร็วๆ นี้
โดยนายเศรษฐพุฒิกล่าวตอนหนึ่งว่าตนมารับตำแหน่งในช่วง 3 ปีครึ่ง ตนและเพื่อนร่วมงานใน ธปท. ทำงานหนักหน่วงมาพอสมควร และสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุด คือ กำลังใจที่มหาศาล ไม่เคยคิดว่ามีบุญขนาดนี้ที่ได้รับกำลังใจจากทุกคน และจะไม่ลืมมัน ซึ่งตนคิดว่าไม่ได้ช่วยแค่ตนเท่านั้น แต่ยังช่วยไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการเตือนสติเราด้วยในการทำหน้าที่ ว่าหน้าที่ของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ
“จริงๆ แล้ว ถ้าว่าไปแล้ว รัฐบาลมาแล้วก็ไปผู้ว่าฯ ก็มาแล้วก็ไป แต่สถาบัน องค์กรธนาคารแห่งประเทศไทยต้องอยู่ และต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง”นายเศรษฐพุฒิ กล่าว ทั้งนี้ เมื่อนายเศรษฐพุฒิกล่าวอยู่ได้เรียกเสียงปรบมือให้แก่ผู้ร่วมพิธีอย่างกึกก้อง
การแชร์คำพูดของผู้ว่าฯธปท.ครั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากประเด็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกหลายคน ทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่กระหน่ำกินโต๊ะ ผู้ว่าการธปท.ที่ไม่ยอมลดดอกเบี้ยนโยบายตามความประสงค์ของรัฐบาล
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และอดีตวุฒิสมาชิก (สว.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า“ถ้าอยากเห็นพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง คนของพรรคเพื่อไทยต้องช่วยกันเปลี่ยนหัวหน้าพรรค หรือไม่ก็ต้องลาออกจากพรรค ขืนอยู่ต่อไปประเทศชาติจะเสียหาย”
นอกจากนี้ ยังได้แชร์ลิงก์ Suthichai Live ของสุทธิชัย หยุ่น ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์น.ส.แพทองธาร ในประเด็นดังกล่าวอย่างเผ็ดร้อน ว่าต้องหาคนเขียนสคริปทันที อย่างนี้หวังดี แต่ประสงค์ร้ายแน่ๆ เพราะคนในตำแหน่งนี้ และเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วย จะปล่อยถ้อยคำเหล่านี้ออกมาทำลายตัวเองทำไม?ตีความได้ว่าไม่รู้เรื่องที่พูด หรือพูดไปโดยไม่เข้าใจความหมายที่พูดไม่ว่าเป็นอย่างไหนก็เสียหายสำหรับคนที่เสนอตัวมาเป็นผู้นำประเทศ!
ถ้ารัฐบาลพร้อมจะเล่นการเมืองแบบกุมอำนาจเบ็ดเสร็จก็ต้องกล้าปลด “เศรษฐพุฒิ” ออกจากแบงก์ชาติ…เพราะคำแถลง “อุ๊งอิ๊ง” วันนี้แสดงชัดเจนว่าฝ่ายการเมืองต้องการกดดันให้ผู้ว่าการแบงก์ชาติตระหนักถึงสงครามที่ฝ่ายรัฐบาลพร้อมกลบเสียงทัดทานจากธนาคารกลาง แต่ “เศรษฐพุฒิ” ยืนปักหลักมั่นเพื่อปกป้องสถาบันธนาคารกลางของชาติ “รัฐบาลมาแล้วก็ไป ผู้ว่าการแบงก์ชาติก็มาแล้วก็ไป แต่ธนาคารกลางต้องอยู่ และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและเข้มแข็ง”โดยสุทธิชัย หยุ่น ยังได้ตั้งคำถามด้วยว่า “ถ้าการเมืองสั่งธนาคารกลางได้ บ้านเมืองจะเป็นเช่นไร?”
ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า “สายเลือดพ่อคุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า “ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ”ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงต่อสถาบันการเงินหลักของประเทศ ทุกประเทศในโลกเขาให้ธนาคารชาติของเขาเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ นายเชาว์มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคก้าวไกลอีกหลายคนออกมาวิจารณ์หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง แม้จะมีทาบ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชระโรจน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ออกมาช่วยแก้ต่างให้น.ส.แพทองธาร และรัฐบาล ว่า ไม่ได้แทรกแซงความเป็นอิสระของธปท. แต่อย่างใด
ประเด็นนี้คงพอหอมปากหอมคอ และคงไม่เกิดขึ้นอีกสำหรับพรรคเพื่อไทย จะขึ้นดอกเบี้ยหรือลดดอกเบี้ยนโยบาย เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐบาลไม่ควรไปแตะต้องเพราะมีแต่จะโดนด่าและไม่ได้คะแนนนิยม ถ้าอยากจะลดจริงๆ ควรหันไปลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้มากที่สุดจะดีกว่า เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงและได้คะแนนเสียงจากประชาชนด้วย ไม่ใช่แค่หล่อๆ 9 เดือนแล้วราคาน้ำมันยังเป็นปัญหาสำคัญของชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี