ว่าจะไม่เขียนถึงเรื่องการนำสื่อมวลชนไปถ่ายทำข่าวกินข้าวที่ค้างอยู่ในโกดังนานนับ 10 ปีของนักการเมืองระดับรัฐมนตรีคนหนึ่ง แต่คิดว่าควรจะตอกย้ำ เพราะผลกระทบที่ตามมาอาจจะสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยอีกเท่าไหร่ไม่รู้
คนมีสติปัญญาที่ไม่ถูกบดบังด้วยอคติ และมีสัมปชัญญะครบถ้วน จะมีสักกี่คนที่เชื่อการแสดงคราวนี้ตั้งแต่แรก และยิ่งไม่เชื่อเมื่อเห็นท่าทางการเน้นกินกับมากกว่าข้าว
แม้นักการเมืองดังกล่าวก็ยังออกมาพูดในเชิงตำหนิคนที่ไม่เห็นด้วย หรือวิพากษ์วิจารณ์ปฏิบัติการของเขาและพวก แต่ของจริงที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ก็มาถึง เมื่อ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นำตัวอย่างข้าว 10 ปีจากโกดังในจังหวัดสุรินทร์ไปตรวจสอบ
ผลการตรวจตัวอย่างข้าว 10 ปีจากโกดังในโครงการรับจำนำข้าว ถูกเปิดเผยว่า พบสาร อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งสามารถทำให้ก่อเกิดมะเร็งในระดับอันตราย อยู่ในระดับ 20 พีบีบี ซึ่งอยู่ในระดับไม่ปลอดภัย ไม่ควรนำมารับประทาน
ผมก็ไปค้นต่อตามเว็บไซต์ทางแพทย์ สรุปย่อๆ ว่า อะฟลาท็อกซิน เป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่มักพบปนเปื้อนอยู่ในอาหารจำพวกถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ เมล็ดฝ้าย ข้าวฟ่าง และมันสำปะหลัง ถือเป็นสารเคมีที่สร้างขึ้นจากเชื้อรา ซึ่งเติบโตได้ดีในอากาศร้อนและชื้น มีการศึกษามากมายหลายประเทศ ที่สำคัญองค์การอนามัยโลก ยังจัดให้สารอะฟลาท็อกซินเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่ง
สารอะฟลาท็อกซินก่อมะเร็งที่ตับ, ไต, ระบบหายใจ, ระบบทางเดินอาหาร, ระบบประสาท, ระบบสืบพันธุ์ และระบบภูมิคุ้มกัน พิษของสารอะฟลาท็อกซินแบบเฉียบพลัน มักเกิดในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ รู้คร่าวๆ แค่นี้ยังเครียดเลย
รศ.ดร.วีรชัย ยังบอกว่า การตรวจในเบื้องต้นครั้งนี้ถือว่าแม่นยำ เพราะเป็นการตรวจเพื่อการส่งออกของ ศูนย์วิจัยข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และตรวจสอบซ้ำถึง 3 รอบ โดยมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการระดับสูงร่วมตรวจสอบด้วย
สัปดาห์หน้าจะเน้นการตรวจหาสารเคมี คือสาร ฟอสไฟด์ และ เมทิลโบรไมด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการรมมอด แมลง หนู และพบว่าข้าวที่อยู่ในโกดังข้าวเก่า 10 ปี เหม็นสาบ เป็นสีเหลือง และขอให้รอผลเพิ่มเติมต่อในสัปดาห์หน้า ยิ่งกว่านั้น รศ.ดร.วีรชัย ยังเปิดเผยว่า ป้ายหน้าโกดังข้าว 10 ปี รูปกะโหลกไขว้ นั่นคือการระบุสถานที่ภายใต้การรมยา
สมัยสี่ห้าสิบปีก่อน คนจะฆ่าตัวตาย การรมควันตัวเองในรถยังไม่ฮิต ถ้าไม่แขวนคอตัวเองก็ซื้อยาพิษที่เรียกติดปากว่า “หัวกะโหลกไขว้” มากิน ดังนั้น ป้ายหน้าโกดังที่มีรูปกะโหลกไขว้จึงมีความหมายว่าอันตรายมาก หรือตายแน่ๆ
รศ.ดร.รุ่งนภา พงศ์สวัสดิ์มานิต นักวิจัยทางด้านอายุการเก็บของผลิตภัณฑ์อาหารนักวิชาการอีกคนได้ออกมาแสดงความห่วงใยว่า ข้าวเก่าเก็บ 10 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพอาหารหลายด้าน อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงคุณภาพทางเคมี กายภาพ และจุลินทรีย์ ย้ำว่า นอกจากข้าวเก่าเก็บจะมีอันตรายจากสารตกค้างจากการรมควัน และพิษจากเชื้อราต่างๆ แล้ว พิษจากแบคทีเรียสาเหตุอาหารเป็นพิษ ก็เป็นเรื่องอันตราย
รศ.ดร.รุ่งนภา ยังบอกว่า นอกจากเชื้อราที่มีคนพูดถึงกันมากแล้ว ยังมีเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซีเรียส (Bacillus Cereus) สร้างสารพิษที่อันตราย และไม่สามารถทำลายได้ง่ายด้วยการหุงต้มปกติ พูดภาษาบ้านๆ ก็คือ ซาวข้าว 15 น้ำก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ใครเสนอ หรือใครสั่งให้นักการเมืองระดับรัฐมนตรีทำได้ถึงขนาดนั้น หรือเขาจะทำด้วยตัวเอง ไม่มีใครทราบได้ เช่นเดียวกับเขาได้ศึกษาพิษร้ายของข้าวเก่าเก็บนาน 10 ปี และมีการรมยาเคมีมายาวนานหรือเปล่า ก็ไม่มีใครทราบได้เช่นกัน เพราะถึงตอนนี้ ไม่ว่าประชาชนทั่วไป หรือสื่อมวลชนที่ไม่ได้ถูกซื้อด้วยอามิสสินจ้างไม่มีใครเชื่อว่า การออกมาแสดงกินข้าวเก่า10 ปีครั้งนี้จะไม่มีวาระซ่อนเร้น หรือที่คนเดี๋ยวนี้ชอบเรียกทับศัพท์กันว่า hidden agenda
ผู้ชำนาญด้านการค้าข้าวหลายฝ่าย ออกมาท้วงติงว่า ความพยายามดึงดันที่จะขายข้าวเก่าจากโกดังออกไปสู่ต่างประเทศ อาจจะยิ่งทำให้เกิดผลเสียต่อตลาดข้าวของไทย ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งตอนนี้ก็มีคู่แข่งที่น่ากลัวจากหลายประเทศอยู่แล้ว และถ้าคิดในแง่มนุษยธรรม จะมีคนเจ็บป่วยล้มตายจากข้าวลอตนี้อีกเท่าไร
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดราม่าส่งเดชตามที่คณะกินข้าวเก่าโชว์คิดและกล่าวหา แต่เป็นเรื่องที่จะนำความเสียหายครั้งใหญ่มาสู่ประเทศไทยและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย หนี้สินจากการจำนำข้าวยังไม่หมด ยังต้องชดใช้อยู่ทุกวันนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะสร้างเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว
ผมไม่ใช่สายมู แต่รู้สึกว่าใครไปยุ่งเกี่ยวกับพระแม่โพสพในทางมิถูกมิควร หรือเอาผลประโยชน์ของแผ่นดินนี้ไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนใหญ่มักมีอันเป็นไป ไม่ช้าก็เร็ว
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี