โครงการกองทุนเงินให้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นโครงการที่ดีที่เริ่มต้นโดยรัฐบาลเพื่อช่วยเยาวชนที่ครอบครัวมีรายได้น้อยไม่สามารถส่งเสียให้บุตรหลานให้ได้รับการศึกษาสูงเป็นมาตรการที่สำคัญที่จะทำให้สังคมไทยโดยส่วนรวมไม่ขาดโอกาสทางการศึกษาเนื่องจากไม่มีเงินทุนแต่มีสติปัญญาที่จะศึกษาระดับสูงถึงขั้นปริญญาบัตร ซึ่งจะส่งผลต่อตัวผู้ศึกษาครอบครัวและที่สำคัญเพื่อส่งเสริมคุณภาพของประชาชนในสังคมเพราะเป็นที่เข้าใจว่าสังคมใดจะเจริญได้ก็เพราะเยาวชนของสังคม การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับประเทศไทยนั้น โครงการนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2535 โดยรัฐบาลในขณะนั้นเห็นความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพของเยาวชน ซึ่งนับได้จนบัดนี้เป็นเวลา 27 ปี ความปรารถนาดีของรัฐบาลทำให้เยาวชนที่ได้รับความช่วยเหลือดังกล่าวทำให้มีชีวิตและอนาคตที่ดีกว่าเยาวชนที่สติปัญญาดีแต่ครอบครัวยากจนไม่สามารถส่งเสียบุตรหลานให้ได้รับการศึกษาในอดีต แต่เมื่อโครงการนี้ดำเนินไปจนถึงปัจจุบันเกิดปัญหาอื่นติดตามมา
กล่าวคือ ในปัจจุบันมีผู้กู้ยืมเงินดังกล่าวไม่ยอมใช้หนี้กองทุนตามกติกาที่กำหนดทั้งๆ ที่ดูจากสถานทางการมิได้ขาดแคลนโดยเฉพาะผู้ที่รับราชการจำนวนไม่น้อยที่รับทุนแล้วไม่ยอมชำระหนี้ รวมเงินที่กองทุนกู้ยืมการศึกษาที่บรรดาผู้กู้ยืมจนถึงปัจจุบันเป็นเงินมหาศาลไม่ชำระทำให้รัฐบาลต้องใช้เงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นทุกปี
จนทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้มอบหมายนโยบายแก่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้ดำเนินการแก่ผู้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่เป็นข้าราชการ ในสังกัดซึ่งมีจำนวน 111 คน ให้หักเงินรายได้นำส่งคืนเงินรวมทั้งในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภาได้เห็นชอบให้เพิ่มหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการคืนเงินหรือไม่คืนเงินกองทุนดังกล่าวเป็นคุณสมบัติที่ใช้พิจารณาสรรหาและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการรัฐสภา
นอกจากนี้ในการประชุมสภาสถาบันพระปกเกล้าเช่นกันนายชวน หลีกภัย ได้เสนอความเห็นต่อที่ประชุมว่าผู้เข้าเรียนและจบหลักสูตรจากสถาบันฯนี้ ให้ถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติต้องห้ามของผู้สมัครหลักสูตรของสถาบันนี้ด้วย เพื่อเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
ปัญหาเรื่องการยืมเงินเพื่อการศึกษานี้เป็นนโยบายหนึ่งที่เกิดจากทฤษฎีสังคมนิยมประชาธิปไตยที่ว่าการช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ “ครรภ์มารดาถึงหลุมฝังศพ” คือ ช่วยประชาชนในสังคม “ตั้งแต่เกิดจนตาย” การช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการศึกษาเป็นหนึ่งในนโยบายดังกล่าว ประเทศที่ปกครองตามทฤษฎีสังคมนิยมประชาธิปไตยมีวิธีการช่วยเหลือแก่เยาวชนในด้านการศึกษา เช่น ประเทศสวีเดน รัฐบาลจะใช้วิธีการที่ให้เยาวชนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาจากธนาคารโดยให้ผู้ปกครองรับรองโดยรัฐบาลไม่ต้องตั้งกองทุนกู้ยืมแบบของประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยนั้นในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ถ้าฝ่ายรัฐเพียงทำหน้าที่บริหารโครงการแต่ด้านการบริหารเงินอาจมอบให้ธนาคารเป็นผู้ดำเนินการ
ถ้าผู้กู้ยืมเงินเมื่อสำเร็จการศึกษาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น มีรายได้จากการทำงานหรือประกอบธุรกิจ หรือผู้ปกครองมีฐานะทางการเงินที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ก็ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ส่วนผู้กู้ยืมที่ประสบปัญหาเดือดร้อน เช่น ตกงานและมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวพิสูจน์ได้ว่าไม่สามารถจะคืนเงินยืมได้จริงควรจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
ปัญหาสำคัญสำหรับเรื่องนี้นอกจากสถานการณ์ที่ผู้กู้เงินไม่สามารถคืนเงินกู้ได้แล้ว อาจเกิดจากมาตรการที่ติดตามไม่เข้มงวดและไม่มีเจ้าภาพที่รับผิดชอบเช่นเดียวกับสถาบันการเงิน รวมทั้งการขาดวินัยและความรับผิดชอบของผู้กู้เฉกเช่นในประเทศที่ปกครองระบอบสังคมนิยมประชาธิปไตย ผลจึงทำให้รัฐต้องแบกภาระมากขึ้นเรื่อยๆ ดังที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้โครงการซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคมและไม่เป็นปัญหาต่อไป รัฐบาลจำเป็นต้องยกเครื่องทำนโยบายและการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพ โดยผู้รับผิดชอบโครงการทั้งในด้านการบริหารจัดการ ด้านการเงินและมาตรการทางกฎหมายให้ครอบคลุมทั้งตัวเยาวชนผู้กู้ ผู้ปกครอง และนายจ้างต้องช่วยกันทำให้ผู้กู้ยืมมีความรับผิดชอบต่อสังคมรวมทั้งสร้างจิตสำนึกให้สังคมประณามพฤติกรรมของผู้ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าภาพ คือ รัฐบาล ช่วยกันทั้งมาตรการบังคับและสร้างวินัยทั้งทางกฎหมายและสังคมแล้ว นอกจากแก้ปัญหาในเรื่องความรับผิดชอบแล้ว ยังส่งผลให้เกิดวินัยทางสังคมโดยเฉพาะเยาวชนที่ควรเป็นตัวอย่างแก่สังคมอีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี