กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ของไทยเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ของประเทศไทยเรา ซึ่งถูกกำหนด และกำกับโดยฝ่ายกองทัพที่ได้ทำการยึดอำนาจรัฐภายใต้ชื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ความชอบธรรมในการบังคับใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ได้เกิดขึ้นด้วยกระบวนการทำให้ “ผ่านประชามติ” ส่วนที่มาจะอย่างไร เนื้อหาสอดคล้องกับเจตนารมณ์ประชาธิปไตยหรือไม่ สร้างความถูกต้องให้กับสังคมหรือไม่ ไม่ต้องไปพูดถึง เพราะเมื่อครั้งทำการลงประชามติ ปวงชนชาวไทยนั้นไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากนัก เพราะที่ต้องเลือกในขณะนั้นคือ
1.ถ้าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แล้วก้มหน้าอยู่กับระบอบทหารปกครองเต็มใบไปเรื่อยๆ
2.ยอมให้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ และจะได้เปลี่ยนผ่านไปยังระบอบประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ
โดยหลังการจัดการเลือกตั้งแล้ว สังคมไทยก็ได้เปลี่ยนมาเป็นสังคมการเมืองครึ่งทหารครึ่งพลเรือน หรือสังคมกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตย กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นี้ ก็ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองตามมา เนื่องจากยังมีผู้คนต้องการสังคมไทยให้เป็นสังคมประชาธิปไตยเต็มใบ ซึ่งหมายความว่าต้องการให้บรรดานายทหารวางมือ เลิกยุ่ง และเลิกเล่นการเมืองเสียที ซึ่งประชาคมโลกก็มีความรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน จึงได้มีการเรียกร้อง และสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้อีกด้วย
ก็แสดงว่า สังคมการเมืองไทยยังมีปัญหาคาใจกันอยู่ระหว่างผู้ประสงค์ให้สังคมไทยมีทหารอยู่กับการเมืองสืบไป กับอีกส่วนของสังคมไทยที่ต้องการให้ทหารออกไปจากการเมืองโดยสิ้นเชิง
แล้วเราจะประจันหน้าอยู่กันไปอย่างนี้หรือ?
ผู้ที่ยังสนับสนุนฝ่ายทหารการเมือง ก็คงลืมเหตุการณ์ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475ลืมเรื่องการเรียกร้องของประชาชนบนท้องถนน จนถึงต้องเสียเลือดเนื้อกันหลายครั้งหลายคราไปแล้วหรือ
ตัวปัญหาของความขัดแย้งนี้ ก็คือฝ่ายกองทัพ (ว่าจะวางมือหรือไม่) ไม่ได้เกิดจากตัวประชาชน ดังนั้น หากจะปล่อยให้ประชาชนทั้งฝ่ายเห็นด้วย กับฝ่ายไม่เห็นด้วย ออกมาเผชิญหน้ากันก็ดูกระไรอยู่ อย่าลืมว่าฝ่ายกองทัพได้เป็นผู้เข้ามาแทรกแซง เข้ามายึดอำนาจ ประพฤติตัวเป็นตัวอำนาจอยู่เหนือปวงชนชาวไทย ด้วยตนเองทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกองทัพนั้นเป็นแค่หนึ่งกลุ่ม หนึ่งองค์กร ในสังคมไทย จึงจะต้องเคารพยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เช่นเดียวกันกับคนไทยทุกหมู่เหล่า จะทำตัวเป็นอีกสถาบันต่างหากมิได้เป็นอันขาด ดังนั้น ฝ่ายกองทัพ และบุคลากรของกองทัพ จะไปกุมอำนาจรัฐ กุมอำนาจการเมือง โดยเฉพาะด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญที่คิด ขีดเขียนขึ้นมากันเองนั้นไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีหน้าที่ และไม่มีความชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้น
แล้วเมื่อเวลาผ่านไป เสียงสังคมที่ร่วมกันเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จึงเริ่มอื้ออึงขึ้นเป็นลำดับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (อดีตหัวหน้า คสช.) และนายกรัฐมนตรี ก็แก้ลำด้วยการให้คำหวานกับประชาชนว่า จะให้มีการดำเนินการ “ศึกษา” การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เป็นแค่วาทกรรมเท่านั้น
ถ้าจะจริงจัง เอาจริงเอาจัง กับการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญจริงๆ คงไม่ต้องทำแค่ “ศึกษา” แต่ต้องเป็นการ “ลงมือแก้ไข” ซึ่งสามารถทำได้เลยทันที ทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาเองนั้น อำนวยประโยชน์ให้ฝ่ายกองทัพอย่างไร และมีการตีกรอบประชาธิปไตยให้แคบ ให้จำกัดจำเขี่ยอย่างไร
เพราะฉะนั้น อย่ามาเล่น “ลิ้น” มาใช้วาทะ มาเล่านิทานการเมือง ซื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ หากแต่ต้องรีบลงมือแก้ไข และรีบคืนประชาธิปไตยให้ปวงชนชาวไทยโดยไม่ต้องรีรอ
สังคมไทยวันนี้อาจยังดูสงบดี ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จที่อยู่ในมือรัฐบาลกึ่งทหาร แต่ก็อย่าได้วางอกวางใจไป เพราะขนาดอียิปต์ที่กองทัพสานต่ออำนาจบริหารกันแบบเต็มกำลัง สังคมอียิปต์ยังสงบเรียบร้อยได้เพียงไม่นาน ก่อนจะกลับมาวุ่นวายดุเดือดอย่างที่กำลังเป็นข่าวกัน
ความรู้สึกโหยหาเสรีภาพของมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกปิงปอง จะใช้กำลังกดให้จมน้ำได้ แต่ก็ได้ไม่ได้นานหรอก ถึงอย่างไรก็ขัดขืน ต่อต้าน จนสามารถลอยขึ้นสู่ผิวน้ำได้อยู่ดี
ฝ่ายกองทัพยึดอำนาจ เขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง ก็มีหน้าที่ยกเลิก แล้วกลับกรม กอง
ประชาชนว่ากันเองได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี