วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในบ้านเมืองของเราทุกวันนี้ถึงเวลาที่จะต้องบอกกล่าวให้ทราบโดยทั่วกันว่ากระแสญี่ปุ่นมาแรงมาก และต้องปรับความเข้าใจกันเสียใหม่ว่าในบ้านเมืองของเรานี้กระแสที่เป็นกระแสนำในเรื่องราวต่างๆ นั้นไม่ใช่กระแสจีน แต่เป็นกระแสญี่ปุ่น
ทิศทางการพัฒนาประเทศก็ดี การขับเคลื่อนการงานต่างๆ ในบ้านเมืองก็ดี ไม่ได้เป็นไปในทางที่เกี่ยวข้องกับจีนหรือผลประโยชน์ของจีน แต่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นและเป็นผลประโยชน์ของญี่ปุ่นเสียเป็นส่วนใหญ่
ต่อหน้าสถานการณ์ที่ขับเคลื่อนรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นที่ไม่มีใครฟัง สุ้มเสียงประชาชนอีกต่อไปแล้ว เรื่องราวใดๆ ก็ตามต่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองและประชาชนไม่ว่าสักเท่าใด ต่อให้ประชาชนท้วงติงคัดค้านประการใดก็หามีใครรับฟังไม่
ทุกอย่างจะยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งและไม่มีอำนาจใดไปหยุดยั้งมันได้ และการเดินหน้าที่ว่านี้ก็เป็นไปในทางที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นญี่ปุ่นและเพื่อญี่ปุ่นทั้งสิ้น
ต่อหน้าสภาพการณ์เช่นนี้จึงสมควรจะได้สรุปเรื่องราวทั้งหลายเพื่อให้คนไทยทั้งประเทศได้เตรียมใจเตรียมตัวในการที่จะเป็นญี่ปุ่นกัน หรือหากแผ่นดินยังไม่สิ้นวาสนาก็อาจจะรักษาความเป็นไทยเอาไว้ได้ในเวลาใดเวลาหนึ่ง ถึงกระนั้นก็จำเป็นที่ทุกคนจะได้รับรู้ความเป็นไปในบ้านเมืองของเราในประการสำคัญดังต่อไปนี้
ประการแรก ประเทศไทยเป็นหนี้ต่างประเทศต่อประเทศญี่ปุ่นเกือบทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ของยอดหนี้ต่างประเทศ ซึ่งมาตรฐานทั่วไปนั้นจะไม่มีชาติใดนำชาติบ้านเมืองไปเป็นหนี้ชาติอื่นเกิน 25% เพราะเท่ากับเป็นเมืองขึ้นทางการเงินไปแล้ว แต่ประเทศไทยก็เป็นไปแล้วคือประเทศไทยมีญี่ปุ่นเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่แต่เพียงรายเดียว
และโดยฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่รายเดียว ประเทศผู้ให้กู้จึงสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ให้ลูกหนี้ต้องปฏิบัติ ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ไม่เคยนำเสนอรัฐสภาให้ได้รับรู้รับทราบกันเลย เป็นเงื่อนงำที่ปกปิดมิบเม้มกันไว้ จนไม่รู้ว่าประเทศไทยมีภาระที่ต้องปฏิบัติในลักษณะกึ่งเมืองขึ้นหรือเมืองขึ้นเพียงใดหรือไม่
ประการที่สอง ทิศทางการพัฒนาประเทศจะมุ่งเน้นในการรองรับกับความเติบโตของรายได้และเศรษฐกิจของญี่ปุ่น โดยเฉพาะคือการจำหน่ายรถยนต์และสินค้าต่างๆ ของญี่ปุ่น ดังนั้น ประเทศไทยจึงรับภาระที่จะต้องขยายถนนหนทางทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะยิ่งขยายถนนหนทางมากเท่าใดก็รองรับรถญี่ปุ่นให้มาวิ่งมาใช้ได้มากขึ้นเท่านั้น จนคนไทยเป็นหนี้สินครัวเรือนเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว
เพราะมุ่งเน้นแต่การสร้างถนนและทอดทิ้งรถไฟ จึงทำให้รายจ่ายของประเทศสูงลิ่ว รายจ่ายสูงสุดของประเทศคือรายจ่ายค่าน้ำมัน และหนี้ครัวเรือนสูงสุดก็คือหนี้ค่าผ่อนรถยนต์ ในขณะที่กิจการรถไฟของชาติซึ่งควรอำนวยประโยชน์และความสุขแก่ประชาชนถูกระงับยับยั้งไว้จนล้าหลัง
แม้เมื่อถึงเวลาที่ไม่สามารถขัดขวางความต้องการใช้ระบบรางเพื่อลดรายจ่ายของประชาชน ก็มีการสมรู้กันให้ใช้ระบบรถไฟของญี่ปุ่นซึ่งเป็นระบบปิดที่มีผู้ผลิตเพียงรายเดียวของโลกและในราคาแพงลิบลิ่ว ที่สำคัญคือสู้ไม่ได้กับระบบรถไฟรางมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลกและราคามาตรฐานกว่า
ประการที่สาม การส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดนั้นเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ และในที่สุดประเทศไทยก็คือพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นเคลื่อนย้ายโรงงานจำนวนมากเข้ามาตั้งในประเทศไทยโดยได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนไทยด้วยกันเอง ทำให้กิจการของญี่ปุ่นได้เปรียบคนไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ
พื้นที่ EEC ก็เป็นพื้นที่พัฒนาเพื่อจะรองรับกับการพัฒนากิจการอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นหรือการย้ายฐานการผลิตที่ญี่ปุ่นไม่ต้องการให้อยู่ในประเทศเอามาไว้ในประเทศไทย แต่ได้รับสิทธิ์มากกว่าตั้งในญี่ปุ่นเสียอีก
ประการที่สี่ การอำนวยประโยชน์ให้ชาวญี่ปุ่นเข้ามาตั้งรกรากถิ่นฐานในประเทศไทยยิ่งกว่าชาติใดๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ได้เกิดชุมชนญี่ปุ่นขึ้นตลอดแนวที่เจริญในเขตเมืองหลวง ในภาคตะวันออก ในภาคเหนือ และอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีชาวญี่ปุ่นเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
และเพื่อรองรับกับความเติบโตของสังคมญี่ปุ่นในประเทศไทย จึงต้องอนุญาตให้มีการจัดตั้งสถาบันการศึกษา อาคารร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับชุมชนญี่ปุ่นในประเทศไทย แม้กระทั่งระบบโทรทัศน์และการสื่อสารที่อำนวยความสะดวกให้แก่ชุมชนญี่ปุ่นในประเทศไทย
ร้านอาหารญี่ปุ่นได้ขยายตัวเติบใหญ่ที่สุดในกิจการประเภทเดียวกัน หยั่งลึกลงไปถึงชุมชนตรอกซอกซอยต่างๆ ก็มีการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นกันโดยทั่วไปเป็นการสร้างค่านิยมให้สังคมไทยคุ้นชินและยอมรับอาหารญี่ปุ่น ในสักวันหนึ่งทั้งประเทศไทยก็จะกินอาหารญี่ปุ่นกันเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันนี้ถ้าเทียบจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นกับร้านอาหารไทยแล้ว อย่างไหนจะมากกว่ากัน อย่างไหนจะรุ่งโรจน์กว่ากัน
คนไทยทั้งประเทศกำลังถูกสร้างให้เกิดความคุ้นชินกับความเป็นญี่ปุ่นไม่ว่าในด้านสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนอาหารการกิน
เป็นแต่วิถีทางนั้นเป็นไปอย่างเงียบกริบและซึมลึกยิ่งกว่าเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งในครั้งนั้นญี่ปุ่นก็มาตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ช้านานแล้ว พอลุกฮือขึ้นก็ยึดประเทศไทยอย่างง่ายดาย
ใครที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการทำให้ประเทศไทยเป็นญี่ปุ่น?

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี