วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือ (กสศ.) ร่วมกับภาคี ได้เชิญนักวิชาการด้านการศึกษาจากยูเนสโก คือนางจูดิท เจมส์ หัวหน้าภาควิชาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคการวางแผนและโครงการเชิงยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยสวานซีสหราชอาณาจักร, ดร.คริสติน่า อาร์กีล่า ผอ.ด้านการพัฒนาเมืองเอสปู ประเทศฟินแลนด์ และนายโช ซุง กี ผอ.ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตเมืองนัมยังจูประเทศเกาหลีใต้ ลงพื้นที่จ.ภูเก็ต เพื่อศึกษาดูงานตัวอย่างของโรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียวและโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา ในพระอุปถัมภ์ฯ ซึ่งเป็นโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ตที่ใช้แนวคิด การปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ Area Base Education Reform (ABE) เป็นฐานในการทำงานจนประสบความสำเร็จในการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดยนักวิชาการด้านการศึกษาจากยูเนสโกทั้ง3 คนนี้ได้รับฟังการนำเสนอของโรงเรียนในเรื่องการเตรียมความพร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 โดยคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของท้องถิ่นการบูรณาการสาระการเรียนรู้และการรักษาสิ่งแวดล้อมระบบ Quality learning InformationSystem (Q-info) เพื่อดูแลช่วยเหลือนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาตลอดจนรับชมการนำเสนอของเด็กๆ อาทิ การแสดงทักษะภาษาอังกฤษ การแสดงโขนการแสดงพื้นบ้านโครงงานหุ่นยนต์ คัดแยกขยะการนำขยะกลับมารีไซเคิล ผลงานหนังสั้นฝีมือนักเรียนฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลจากการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนและการทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนภายใต้การสนับสนุนของภาคีต่างๆ ในชุมชน
นางจูดิท เจมส์ ให้ความเห็นว่า รู้สึกความประทับใจการบริหารจัดการของโรงเรียนโดยเฉพาะการใช้ระบบ ซึ่งอัตลักษณ์ของท้องถิ่นการบูรณาการสาระการเรียนรู้และการรักษาสิ่งแวดล้อมระบบ Quality learning Information System (Q-info) มาช่วยให้ครูเข้าใจความเสี่ยงที่อาจทำให้เด็กต้องออกจากระบบโรงเรียนแล้วสามารถจัดการได้แต่เนิ่นๆ รวมทั้งรู้สึกประทับใจที่เห็นเด็กๆ แสดงออกถึงความเข้าใจในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเรียนรู้ที่จะรักษาโลกใบนี้เพื่ออนาคต รวมทั้งได้เห็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นและความสนุกสนานในการเรียนรู้ของเด็กๆ ซึ่งจะทำให้กลายเป็นคนมีนิสัยเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต
“คิดว่าการดำเนินงานของกสศ. เดินมาถูกทางแล้ว เห็นได้จากเหตุผล 3 ประการ คือ 1.มีความเข้าใจและยอมรับในธรรมชาติที่หลากหลายของเด็กในโรงเรียน 2.การสอนให้เด็กๆ เรียนรู้เรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากในอนาคต และ 3.เด็กๆ สนุกไปกับการเรียนรู้ในห้องเรียน ในหลักสูตรต่างๆ รวมถึงกิจกรรมหลังเลิกเรียน รวมทั้งคิดว่า กสศ.จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญด้านการศึกษาในอนาคตเพราะได้ช่วยให้ผู้คนจากภูมิภาคต่างๆ ของไทยแบ่งปัน best practice แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการพัฒนาทีมงานด้านการศึกษาให้สามารถเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของตัวเองได้
ขณะที่ดร.คริสติน่า อาร์กีล่า มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม คือการให้ความสำคัญในเรื่อง Art ด้วยเพื่อส่งเสริมเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำให้เด็กๆ ภาคภูมิใจกับสิ่งที่เขาคิดและแสดงออกมากกว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกให้ทำ
สำหรับปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและเด็กนอกระบบการศึกษานั้น ที่ฟินแลนด์ก็มีปัญหานี้เช่นกันเด็กบางคนไม่เข้าเรียนไม่ตระหนักถึงโอกาสที่ตนเองได้รับ บางคนก็มีปัญหาในครอบครัวหรือปัญหากับเพื่อนในชั้นเรียนทำให้ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับโรงเรียนได้แล้วไปใช้เวลาขลุกอยู่นอกโรงเรียน ซึ่งหากโรงเรียนไม่สนใจหรือไม่ช่วยแก้ปัญหาให้เด็กชีวิตของเด็กหลังจากนั้นอาจออกจากระบบโรงเรียน
แต่โชคดีที่ในฟินแลนด์มีระบบการสนับสนุนที่เข้มแข็งไม่เฉพาะแค่ครูแต่ยังมีกลุ่มมืออาชีพต่างๆ ช่วยสนับสนุนเช่นนักจิตวิทยารวมไปถึงครอบครัวที่เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งจากวิสัยทัศน์ของครู กลุ่มสมาคมผู้ปกครองในประเทศไทย ที่แสดงออกให้การสนับสนุนโรงเรียน ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี
ด้านนายโช ซุง กี กล่าวว่า ข้อแตกต่างอย่างหนึ่งจากที่ได้ดูงานกับระบบการจัดการศึกษาของเกาหลีใต้คือที่เกาหลีใต้ไม่มีองค์กรอื่นใดเข้ามาช่วยในเรื่องการศึกษาเนื่องจากรัฐบาลดูแลให้หมดไม่ว่าจะค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร ค่าเทอมเด็กที่มีปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์สามารถขอทุนรัฐบาลได้ถึงระดับชั้นมัธยมปลาย และถ้าอยากเรียนต่อก็ขอเพิ่มได้อีกแต่ต้องรักษาผลการเรียนให้อยู่ในระดับที่กำหนด แต่ในไทยมีองค์กรสาธารณประโยชน์อย่าง กสศ. เข้ามาสนับสนุนการสร้างความเสมอภาคด้านการศึกษารวมทั้งการให้ทุนการศึกษาแก่เด็กซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ทั้งเสนอว่าการดำเนินงานในลักษณะที่กสศ.ทำนี้ควรทำในระดับนานาชาติไม่จำกัดแค่ในไทย เช่นหลายๆ ประเทศอาจจับมือร่วมกันเพื่อให้ทุนเด็กไปเรียนต่างประเทศ ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ชีวิต เมื่อเด็กเรียนจบกลับมาก็จะเป็นผลิตผลที่ดีของประเทศอีกทางหนึ่ง
ครับทั้งหมดเป็นข้อมูลที่นักวิชาทางการศึกษาไปเยือนภูเก็ตตามคำเชิญของ กสศ. และภาคีเครือข่ายซึ่งขณะนี้ได้ สนับสนุนให้เกิด การปฏิรูปการศึกษาเชิงพื้นที่ ขึ้นแล้วใน 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ขอนแก่นมหาสารคาม สุรินทร์ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครราชสีมา กาญจนบุรี นครนายก ระยอง สุราษฎร์ธานีภูเก็ต ยะลา และ สงขลา
ก็ถือว่าเดินมาถูกทางแล้วครับ

'รมว.นฤมล'หารือ 2 องค์กรใหญ่ด้านภาษาจีนนานาชาติ กระชับความร่วมมือไทย-จีน
'ในหลวง-พระราชินี'เสด็จฯทอดพระเนตรศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษา
เบื้องหลังฉลองพระองค์ 'สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี'
รวบ'หนุ่มอิสราเอล' หนีหมายจับคดีหลอกขายตั๋วผีออนไลน์
ตึงเครียดพุ่ง! จีนแนะประชาชนงดเที่ยวญี่ปุ่น หลัง'ทาคาอิจิ'พูดปมไต้หวัน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี