ได้พูดมาในตอนที่แล้วว่า ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ร้อนระอุขึ้นมาอีกจากความรุนแรงที่เกิดจากการก่อความไม่สงบของผู้ก่อการร้าย สร้างปัญหาความมั่นคงของประเทศมากกว่าภาคอื่นๆ ต้องใส่ใจแก้ไขให้มากกว่านี้ ด้วยการหารือกันอย่างจริงๆจังๆเพื่อหาข้อบกพร่องต่างๆ จนเกิดความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกลายเป็นข้อบกพร่องสะสมต่อเนื่องมาถึงขณะนี้ว่ามีอะไรบ้าง แล้วนำมาแก้ไขให้ถูกทิศถูกทาง ไม่ใช่ปล่อยให้ระดับผู้ปฏิบัติงานรับผิดชอบ ต่างคนต่างคิด
จุดเปลี่ยนของสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งทำให้สภาพบ้านเมืองที่นั่นมีบรรยากาศแห่งสงครามในพื้นที่ ทำเอาขวัญและกำลังใจของประชาชน ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายชีวิตและทรัพย์สิน และทำลายโอกาสของประเทศชาติบ้านเมือง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการแก้ไขให้ความสงบสุขกลับคืนมาได้ครั้งหนึ่งแล้วในสมัยของ พล.อ.เปรม นั้น เหตุการณ์เลวร้ายทั้งหลายแหล่ได้หวนกลับคืนมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ไอ้คนหนีคุกที่ยังตะลอนอยู่นอกประเทศขณะนี้ เข้ามาเป็นรัฐบาลในปี พ.ศ.2544 เป็นต้นมาโดยไอ้คนหนีคุกคนนี้ทำไว้ สร้างไว้ หลายต่อหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฆ่าคนในเรื่องยาเสพติด การสลายม็อบที่ อ.ตากใบ การไล่ล่าฆ่าคนที่หลบภัยเข้าไปอยู่ในมัสยิดกรือเซะ เป็นต้น จนเป็นที่มาของการตอบโต้จากผู้ก่อความไม่สงบที่นั่น ก่อความรุนแรงขึ้นมาหลายอย่างเช่น การปล้นปืนค่ายทหารกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 การเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ทหาร และลอบยิงลอบทำร้ายข้าราชการและประชาชน แม้กระทั่งการวางระเบิดในที่ต่างๆ ซึ่งการปฏิบัติการแต่ละครั้งของพวกผู้ก่อความไม่สงบดังกล่าวนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชน ต่อต่างประเทศ ต่อพื้นที่ อย่างมากมาย เกิดเป็นแผลของสังคมมาจนถึงทุกวันนี้
แต่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งประการหนึ่งที่ใช้คนหนีคุกคนนี้ทำไว้ จนเป็นสาเหตุใหญ่ของการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มาจนถึงทุกวันนี้นั้น ก็คือการยกเลิก ศอ.บต. และ พตท.43 โดยให้ถ่ายโอนอำนาจหน้าที่และภารกิจ ไปให้ตำรวจทำแทนทั้งหมด ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนี่เองที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้ผลทางปฏิบัติ กลับทรุดลงไปอีกและทรุดลงไปเรื่อยๆสืบมาจนถึงขณะนี้
การมี ศอ.บต. และ พตท.43 ก็เท่ากับว่า
1. มีผู้ดูแลปัญหาและการปฏิบัติต่อปัญหาโดยรวมในพื้นที่ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน มีการใช้กำลังเข้าปฏิบัติการ และการปฏิบัติการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เมื่อยกเลิกก็เท่ากับว่างเว้นสิ่งที่ควรมี
2. ศอ.บต.ทำงานที่เป็นประโยชน์ชัดเจนหลายเรื่องประการแรก เป็นสถานที่ปฐมนิเทศข้าราชการที่ลงไปปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยมาตรฐานอันเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง ประการที่สอง คือ เป็นหน่วยงานที่ติดตามการประพฤติปฏิบัติของข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหารทั้งหมดที่อยู่ที่นั่น มีการปรับย้ายลงโทษผู้ที่ผิดวินัย ผู้สร้างปัญหา หรือผู้ก่อเงื่อนไขทั้งทางตรงและทางอ้อม และประการที่สาม ก็คือ เป็นเวทีเปิดที่ให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น หรือระบายความทุกข์ต่างๆ เพื่อนำไปแก้ไข และยังมีงานอื่นๆที่ ศอ.บต. ต้องมีภาระในการกระทำคือ การพัฒนา การช่วยเหลือประชาชน การปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์งานการสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มี ศอ.บต. งานบางอย่างก็ไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน เพราะจังหวัดไม่มีคนบ้าง งานล้นมือบ้าง เวทีประชาชนถูกบิดไปโดยปริยาย
3. พตท.43 เป็นหน่วยงานด้านการใช้กำลังทั้ง ทหาร ตำรวจ และพลเรือน การยังคง พตท.43 ไว้ก็เท่ากับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ถูกกดดันอยู่ตลอดเวลา ถูกจำกัดเสรีในการเคลื่อนไหวทางปฏิบัติ เพราะต้องเที่ยวซุ่มซ่อนและหลบหนี ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่มีการยุบเลิก พตท.43 นั้น กำลังติดอาวุธของพวกผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ได้ถูกทำลายจากการปะทะจำนวนไม่น้อย ต้องหลบเข้าไปซุ่มซ่อนอยู่ในป่าเขา
เพราะฉะนั้นการยุบเลิก ศอ.บต. และ พตท.43ในสมัยของไอ้คนหนีคุกคนนั้น จึงเกิดบาดแผลของสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้สืบต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเกิดช่องว่างขึ้นมากมายในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทั่วไปที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่มาจากที่อื่น ไม่มีความรู้ความเข้าใจปัญหา และไม่ทำตัวให้ถูกต้องกับสถานการณ์ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่โดยตรงก็มีความไม่พร้อม เพราะ
หน่วยงานไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายแต่ต้องมาอยู่กับพื้นที่ที่มีการก่อการร้ายที่มีความชำนาญ นานๆเข้าก็หมดแรง ท้อแท้ ท้อถอย และหมดกำลังใจ แถมกลัวผสมเข้ามาด้วยอีกต่างหาก
เหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงยังไม่สงบ และเกิดความรุนแรงตามมาจนถึงทุกวันนี้
ตรงข้ามกับพวกผู้ก่อความไม่สงบหรือผู้ก่อการร้ายที่นั่น ได้มีเวลาวางแผนเข้าหาประชาชน ปลุกระดมชี้นำประชาชน มีเวลาฝึกคนและสะสมกำลังคนและกำลังอาวุธ และสร้างปัญหาและเงื่อนไขต่างๆในทางที่จะเป็นประโยชน์ตนได้มากยิ่งขึ้น สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างปลอดภัย
เมื่อทุกอย่างในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป โดยเฉพาะในระดับนโยบายที่รับผิดชอบทางด้านความมั่นคงยังไม่ใส่ใจอย่างจริงจังแล้ว ก็ให้รอเสียดินแดนส่วนนี้ก็แล้วกัน
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี