วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ขอคิดด้วยฅน
ขอคิดด้วยฅน

ขอคิดด้วยฅน

เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
วันจันทร์ ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562, 02.00 น.
เด็กเกิดน้อย จะยุบโรงเรียน หรือทางเลือกอื่นที่สร้างสรรค์

ดูทั้งหมด

  •  

กระทรวงศึกษาธิการวางแผนเดินหน้ายุบ ควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก 15,000 แห่งทั่วประเทศ โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ในภาคอีสานขณะที่ชุมชนชาวบ้านคัดค้านไม่อยากให้ยุบโรงเรียนในตำบลของเขา ลูกหลานจะเกิดความยากลำบากในการเดินทางไปโรงเรียน

ปัญหาที่กระทรวงศึกษาฯ จะยุบหรือเรียกให้ฟังดูดีว่า ควบรวมโรงเรียน มีสาเหตุมาจากที่ปัจจุบันมีจำนวนเด็กนักเรียนน้อยลงมาก ทั้งนี้เพราะเด็กที่เกิดใหม่ มีอัตราการเกิดน้อยลงอย่างมาก หากมองปัญหาที่ปลายเหตุเมื่อมีเด็กนักเรียนน้อย ก็ต้องยุบหลายโรงเรียน นำเด็กไปรวมเรียนที่โรงเรียนเดียว โดยพิจารณาแต่เพียงว่าจะให้เด็กนักเรียนเดินทางไปเรียนไม่เกิน 6 กิโลเมตร และแก้ปัญหาว่าจะนำผู้อำนวยการและครูของโรงเรียน ที่ยุบไปรวมในโรงเรียนที่เปิดสอนอย่างไร จะบริหารจัดการอย่างไร ที่โรงเรียนหนึ่งมีผู้อำนวยการ 2-3 คน จะไล่ออก ปลดออก ก็ไม่ได้


หากจะพิจารณาในองค์รวมของปัญหาจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยมีปัญหาที่โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน สัดส่วนประชากรในวัยเด็กมีจำนวนน้อยลง แต่สัดส่วนของผู้สูงอายุมีสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะในช่วงปี พ.ศ.2493 – 2513 ประเทศไทยมีจำนวนเด็กเกิดใหม่มากเป็นประวัติการ หรือที่เรียกว่าช่วง “Baby Boom”

หลังปี 2513 อัตราการเกิดลดลงอย่างรวดเร็วจนถึงปัจจุบัน ทำให้โครงสร้างประชากรในอดีตที่มีลักษณะเป็นพีระมิด คือ เป็นสามเหลี่ยมยอดแหลม ซึ่งหมายความว่ามีผู้สูงอายุจำนวนน้อย และมีประชากรรุ่นต่อๆ มาในจำนวนที่มาก แต่ในปัจจุบันภาคพีระมิดประชากรดังกล่าวได้กลายเป็นพีระมิดหัวกลับ หรือเป็นรูปหัวคฑา กล่าวคือ มีสัดส่วนของผู้สูงอายุจำนวนมาก คนวัยทำงานมีสัดส่วนเล็กลง และสัดส่วนของเด็กยิ่งเล็กลงไปตามลำดับ

ปัญหาของสังคมสูงวัยที่มีโครงสร้างประชากรดังกล่าว จึงเป็นปัญหาของสังคมไทยที่ไม่ควรพิจารณาแต่เฉพาะเด็กที่น้อยลงเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาในภาพรวม เพราะหากพิจารณาแต่จำนวนเด็กที่น้อยลง กระทรวงศึกษาธิการผู้รับผิดชอบด้านการศึกษา ก็จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการยุบ ควบรวม โรงเรียนเข้าด้วยกัน

หากจะแก้ปัญหาโดยดูสภาพองค์รวมทั้งระบบ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ ชุมชนชนบทจะมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น หากสภาพโรงเรียนในตำบลที่ว่างมากขึ้น จะได้นำสถานที่ของโรงเรียนและครูที่ว่างมากขึ้น ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับชุมชนและท้องถิ่น โดยแปลงโรงเรียนเป็นโรงเรียนของคนสามวัย คือ มีทั้งวัยเด็ก วัยผู้สูงอายุ และวัยพ่อ แม่ ของเด็ก

ผู้สูงอายุที่จะมีจำนวนมาก จะได้รวมตัวเป็นชมรมทำกิจกรรมร่วมกันที่โรงเรียน ขณะเดียวกันมีกิจกรรมร่วมกับเด็กนักเรียน มีการเรียนการสอนที่จะใช้ประโยชน์จากผู้สูงอายุในท้องถิ่นซึ่งเป็น“ผู้เชี่ยวชาญชีวิต” มีประสบการณ์ ทั้งด้านความคิด การทำมาหากิน วัฒนธรรม และประวัติของชุมชน

เด็กก็จะได้เรียนรู้โดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญชีวิตผู้สูงอายุก็จะมีความสุขที่ได้บอกกล่าวสั่งสอนลูกหลานและทำกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกัน พ่อ แม่ ของเด็กก็จะได้เข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียน เพราะทั้งลูกและพ่อ แม่ ของเขา ก็มีกิจกรรมร่วมกันที่โรงเรียนอยู่แล้ว

โรงเรียนจะเปลี่ยนชื่อเป็นสถานเรียนรู้ หรือศูนย์เรียนรู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จะขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หรือไม่ก็ได้ อาจจะมีทางเลือกที่จะกระจายอำนาจทางการศึกษาในระดับประถมให้กับท้องถิ่นและชุมชน ในการเข้าร่วมเพื่อจัดการการศึกษามากขึ้น

การศึกษาของไทยจะได้ไม่เป็นรูปแบบเบ็ดเสร็จตายตัว ที่คนทุกภูมิภาคเรียนรู้เรื่องเดียวกัน ซึ่งกำหนดจากกระทรวงศึกษาธิการ ที่อยู่กรุงเทพมหานคร

คนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ย่อมมีวัฒนธรรม มีสภาพแวดล้อม มีปัญหาที่แตกต่างกันการเรียนรู้ของแต่ละท้องถิ่นจะได้ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในชุมชน ซึ่งจะมีทั้งเหมือนกันในทุกภาค และแตกต่างกันในบางเรื่อง

กระทรวงศึกษาธิการ ควรผันตนเองเป็นเพียงหน่วยงานที่กำกับ ตรวจสอบ ให้ความรู้และข้อแนะนำเพื่อเอื้ออำนวยให้แต่ละท้องถิ่น ตัดสินใจดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการจัดการศึกษาของไทยล้มเหลว ส่วนเหนึ่งก็เกิดจากการบริหารจัดการที่รวมศูนย์ ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนและท้องถิ่น

หากจะยึดปรัชญาการศึกษาที่ว่า การศึกษาก็คือการทำให้คนสามารถเรียนรู้ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน จำเป็นที่จะต้องให้ชุมชน และท้องถิ่นเลือกที่จะให้การศึกษาแก่บุตรหลานของเขา ให้รู้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคมในท้องถิ่นของเขาอย่างไร

ไม่ใช่คนทั้งประเทศเรียนรู้เรื่องเดียวกันกำหนดจากส่วนกลาง ซึ่งจะทำให้คนในท้องถิ่นอยู่บ้านของตนเองก็ไม่สะดวกสบาย เพราะขาดความรู้ความเข้าใจในท้องถิ่นของตนเอง ต้องย้ายและผันตนเองไปทำงานที่ส่วนกลาง ชนบทจึงสูญเสียสมองและปัญญาของท้องถิ่น การศึกษาที่ผู้เรียนยิ่งเรียนยิ่งไม่รู้จักบ้านของตนเอง ก็จะเป็นการศึกษาที่ดูดทรัพยากรบุคคลที่มีปัญญาออกจากท้องถิ่น

น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะมีโรงเรียนและครูในโรงเรียนขนาดเล็กในตำบลต่างๆ มีสถานที่และกำลังครูว่างมากขึ้น แทนที่จะปล่อยให้โรงเรียนร้าง ส่งคืนโรงเรียนและที่ดินให้กับกรมธนารักษ์เพราะถือเป็นที่ของราชพัสดุ ก็จะได้นำมาใช้ประโยชน์ให้กับชุมชนและท้องถิ่น

นอกจากโรงเรียนจะเป็นแหล่งเรียนรู้ร่วมกันของคนสามวัยแล้ว ยังอาจเป็น “ศูนย์อยู่ดี” (Universal Design) สำหรับคนทุกวัย เพราะในอนาคตอันใกล้ จะต้องออกแบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ทุกท้องถิ่นจะต้องปรับสภาพแวดล้อม ทั้งบ้าน วัด อาคารสาธารณะ ถนนหนทาง ให้สอดคล้องกับสังคมที่จะมีผู้สูงอายุจำนวนมาก การกระตุ้นให้ทุกบ้านและทุกหน่วยงานได้ปรับสภาพแวดล้อมของตน เพื่อให้เหมาะสมใช้ได้กับคนทุกวัย ทุกประเภท ทั้งวัยสูงอายุ วัยเด็ก และผู้พิการ ก็จะเป็นการลดอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากการพลัดตก หกล้ม สูงมากกว่าการปรับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก

ในปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตจากการพลัดตก หกล้ม วันละ 3 คน หรือ ปีละประมาณ 1,000 คน และยังมีผู้บาดเจ็บพิการอีกจำนวนหนึ่ง หากไม่เตรียมการสร้างระบบรองรับทั้งในชุมชนท้องถิ่นและในเมือง อนาคตก็จะมีปัญหาที่จะมีผู้พิการและเสียชีวิตจำนวนมากกว่านี้ จำต้องตระหนักว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์“ล้มหนึ่งคน เจ็บทั้งบ้าน”

กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ผิดหรอกครับ ที่จะคิดแก้ปัญหาของโรงเรียนที่มีเด็กจำนวนน้อย ด้วยการยุบ ควบรวม โรงเรียน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตนเอง แต่รัฐบาลส่วนกลางจะต้องมีวิสัยทัศน์เห็นภาพโดยรวมของปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แปลงวิกฤติเด็กน้อย โรงเรียนและครูว่างมากขึ้น ให้เป็นโอกาสสำหรับการมีแหล่งเรียนรู้ร่วมของคนสามวัย “โรงเรียนสามวัย” หรือ “ศูนย์เรียนรู้สามวัย” หรือชื่ออื่นใดที่เหมาะสมก็ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องให้ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการศึกษาและเรียนรู้อย่างแท้จริง

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:59 น. ภท.ประกาศศักดา ส่ง33ขุนพลบุกกรุง ชูดรีมทีมเศรษฐกิจ มั่นใจปักธงเมืองหลวงครั้งแรก
13:58 น. คนกาญจน์เลิกเผา! สภาลมหายใจมั่นใจปี 69 ฝุ่น PM 2.5 ลดฮวบ
13:41 น. ธนกร การันตีภูมิใจไทย คัดมาดีไม่มีเทา เชื่อมัดใจพลังเงียบ ดันอนุทินนั่งนายกฯ
13:37 น. อดีตสส.เขต33โวย โดน'บุญฤิทธิ์'หักหลัง
13:37 น. นับถอยหลัง MEGA COUNTDOWN 2026คอนเสิร์ตเคานต์ดาวน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
ดูทั้งหมด
เปิดคลิปนาที สมเด็จพระราชินี ทรงฝึกบินด้วยเครื่องบินพระที่นั่ง เส้นทางดอนเมือง-แม่ฮ่องสอน
'สมเด็จพระราชินี'ทรงทำการฝึกบิน เส้นทางดอนเมือง-แม่ฮ่องสอน ด้วยเครื่องบินพระที่นั่ง
น่ารักราวกับตุ๊กตา! ลิซ่า ปล่อยภาพใหม่รับเทศกาลคริสต์มาส
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 27 ธ.ค.68 - 2 ม.ค.69
เปิดรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. ภูมิใจไทย คนดัง-แชมป์เก่าพรึ่บ หวังปักธงเมืองหลวงครั้งแรก
ดูทั้งหมด
กษัตริย์จิกมี เทิดพระเกียรติกษัตริย์ไทย
‘เขมร‘เบี้ยวซ้ำ‘ถล่มพนมเปญ’
เวลากับชีวิตมนุษย์ เราควรจักใช้เวลาทำอะไร ให้มีคุณค่าความหมาย 2
วัฒนธรรมนักการเมือง
หยุดยิงชั่วคราว สะท้อน ‘ไทยรบทุกมิติ’
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ภท.ประกาศศักดา ส่ง33ขุนพลบุกกรุง ชูดรีมทีมเศรษฐกิจ มั่นใจปักธงเมืองหลวงครั้งแรก

อดีตสส.เขต33โวย โดน'บุญฤิทธิ์'หักหลัง

ยศชนันจี้เล่นการเมืองสร้างสรรค์ หลังป้ายโดนกรีด มั่นใจรักษาฐานเสียงชายแดนอยู่หมัด

คุมตัว'บุญฤทธิ์'พิมพ์ลายนิ้วมือ ปฏิเสธรู้เห็นฟอกเงิน-ขอโทษพรรคส้ม

ฮุนเซน เล่นใหญ่ โพสต์เฉลิมฉลองวันหยุด วันสันติภาพกัมพูชา

อนุทิน-เนวินรุมปิดทองฉัตรต้นที่ 37 บวงสรวงร.1 ย้ำเบอร์พรรคภูมิใจไทย เสริมความปังต้อนรับปีใหม่

  • Breaking News
  • ภท.ประกาศศักดา ส่ง33ขุนพลบุกกรุง ชูดรีมทีมเศรษฐกิจ มั่นใจปักธงเมืองหลวงครั้งแรก ภท.ประกาศศักดา ส่ง33ขุนพลบุกกรุง ชูดรีมทีมเศรษฐกิจ มั่นใจปักธงเมืองหลวงครั้งแรก
  • คนกาญจน์เลิกเผา! สภาลมหายใจมั่นใจปี 69 ฝุ่น PM 2.5 ลดฮวบ คนกาญจน์เลิกเผา! สภาลมหายใจมั่นใจปี 69 ฝุ่น PM 2.5 ลดฮวบ
  • ธนกร การันตีภูมิใจไทย คัดมาดีไม่มีเทา เชื่อมัดใจพลังเงียบ ดันอนุทินนั่งนายกฯ ธนกร การันตีภูมิใจไทย คัดมาดีไม่มีเทา เชื่อมัดใจพลังเงียบ ดันอนุทินนั่งนายกฯ
  • อดีตสส.เขต33โวย โดน\'บุญฤิทธิ์\'หักหลัง อดีตสส.เขต33โวย โดน'บุญฤิทธิ์'หักหลัง
  • นับถอยหลัง MEGA COUNTDOWN 2026คอนเสิร์ตเคานต์ดาวน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ นับถอยหลัง MEGA COUNTDOWN 2026คอนเสิร์ตเคานต์ดาวน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ  ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

วิกฤติรัฐธรรมนูญ ใคร พายเรือให้ทหารนั่ง

28 ก.ย. 2563

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

รัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน

20 ก.ย. 2563

จดหมายเปิดผนึก  ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

จดหมายเปิดผนึก ถึงรมว.กระทรวงพลังงาน

14 ก.ย. 2563

ดีใจ  คนรุ่นใหม่คิดเป็น

ดีใจ คนรุ่นใหม่คิดเป็น

7 ก.ย. 2563

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

๙ ปี รัฐบาลพลเอกประยุทธ์

31 ส.ค. 2563

ห่วงประเทศ

ห่วงประเทศ

24 ส.ค. 2563

กินและบิณ

กินและบิณ

17 ส.ค. 2563

บ่อนทำลายประเทศไทย

บ่อนทำลายประเทศไทย

10 ส.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved