วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2563 ผ่านไปด้วยคะแนนเสียง 251 ต่อ 0 เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2562 งานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในจังหวะต่อไปก็คือการใช้มาตรการภาครัฐทำหน้าที่กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในปีหน้า 2563 อย่างเร่งด่วนโดยใช้ตามกรอบวงเงินงบประมาณให้ได้ผลดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สำหรับภาวะเศรษฐกิจของไทยในปี 2562 ที่เหลือระยะเวลาอีก 2 เดือนนั้น จากการประเมินของ 4 หน่วยงานปรากฏตัวเลขว่า ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลังระบุว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่เกินร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปี 2561 ด้านการส่งออกนั้นจะติดลบร้อยละ 0.9 ส่วนคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3 การส่งออกจะติดลบร้อยละ 1.2
ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินว่าการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.8 การส่งออกจะติดลบร้อยละ 1 และคณะกรรมการ กรอ.
ที่ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่เกินร้อยละ 3 และส่งออกจะติดลบร้อยละ 2 จากตัวเลขเหล่านี้เป็นการบ้านหินของรัฐบาลผสมของพลเอกประยุทธ์ต้องหาทางรับมือในปีหน้า 2563
ถ้าหากจะบอกว่าปีหน้า 2563 เศรษฐกิจไทยจะทรุดตกต่ำร้ายแรงเหมือนเหตุการณ์ในปี 2540 เมื่อ 23 ปีที่แล้วหรือไม่ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของไทย
ที่มีชื่อเสียงไม่น้อยกว่า 10 คน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อทั้งหลายว่าไม่คิดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะเลวร้ายไปมากกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ฝนแล้งรุนแรงมีผลให้เกษตรกรที่เป็นคนรากหญ้ามีรายได้ลดลงทำให้กำลังซื้อของคนในชนบทน้อยมีผลกระทบไปถึงอุปสงค์ในตลาดลดลงตามไปด้วย
ปีหน้า 2563 รัฐบาลจะต้องใช้เม็ดเงินที่รัฐบาลมีอยู่จากเงินงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ที่ผ่านสภาอัดฉีดเม็ดเงินไปสู่เศรษฐกิจฐานรากตั้งแต่เดือนมกราคมต้นปี เพื่อให้กระแสเงินหมุนเวียนไปสู่ระบบเศรษฐกิจทั่วประเทศ ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ก็ต้องทำให้ราคาผลผลิตทางการเกษตรกรรมทุกๆ ประเภทขยับตัวสูงมากกว่าปี 2562 จะทำให้ตลาดมีเม็ดเงินมากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและเป็นระบบ
นอกจากนี้ทางด้านภาคเอกชนไทยเองในทุกสาขาของระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ต้องแสดงความเชื่อมั่นในรัฐบาลด้วยการลงทุนขยายฐานเศรษฐกิจในระดับกลางและระดับบนให้เกิดการหมุนเวียนของกระแสเงินสดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อเป็นหัวรถจักรเศรษฐกิจฉุดให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดอุปสงค์ในตลาดมากกว่าปี 2562 ในขณะที่รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่เอง ที่มีหลายแห่งก็ต้องให้ความร่วมมือ
กับทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนทำให้โครงการขนาดยักษ์ที่มีโครงการเดิมอยู่แล้วหลายๆ โครงการมีการเติบโตไปอย่างต่อเนื่องในปี 2563 เชื่อว่าในท้ายที่สุดภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยน่าจะขยายตัวได้ดีเป็นไปตามเป้าหมายของทุกๆ ฝ่ายได้ในที่สุด

'อนุทิน'ลุยขยายผลปราบยา-ธุรกิจเทา ลั่นตรวจสอบถึงไหนโดนหมด ชี้ทุกองค์กรมีทั้งคนดี-ไม่ดี
นายกฯ แถลงจับเครือข่ายส่วยสัญชาติ ทุจริตสวมบัตรเอื้อจีนเทา ลงดาบนายอำเภอ
'อนุทิน'เมินกระแสชิงยุบสภากลาง ธ.ค. ย้ำอำนาจอยู่ที่นายกฯ เมินคนปล่อยข่าว ลั่นเสียเวลาทำงาน
สละโสด! พระเอกเกาหลีชื่อดัง'คิม อูบิน'เขียนจดหมายด้วยลายมือ ประกาศแต่งงานกับ'ชิน มินอา'
เปิดชัดๆ ดีเอสไอ ออกหมายเรียก ผู้ต้องหาคดีฮั้วสว. ตั้งปมสงสัย ไม่ระบุวัตถุประสงค์กระทำผิด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี