ในพลันที่ทางการสหรัฐออกข่าวว่าสหรัฐตัดสิทธิ์ GSP ประเทศไทยเกี่ยวกับสินค้าเกษตรและประมงเป็นมูลค่าราว 40,000 ล้านบาท ก็เกิดเหตุการณ์กระต่ายตื่นตูมกันทั้งบ้านทั้งเมืองประหนึ่งว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วจะมีใครสักกี่คนที่เข้าใจเรื่องนี้
ดูไปแล้วก็น่าอนาถใจกับความเป็นไปในบ้านเมืองของเรา ก็สมแล้วที่เขาหยามมาแต่โบราณดังปรากฏในคำพังเพยที่ว่า “เจ๊กตื่นไฟ ไทยตื่นข่าว ลาวตื่นยศ” ดังนั้นขอให้เป็นข่าวแม้เป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ไร้สาระก็เกิดการแตกตื่นขึ้นได้ ดังเช่นกรณี GSP นี้
มิหนำซ้ำ พวกปฏิบัติการจิตวิทยาทางการเมืองหรือ IO ซึ่งเป็นกระบวนการจัดตั้งที่นำเอาระบบปฏิบัติการจิตวิทยาด้านความมั่นคงมาใช้ในทางการเมืองก็พากันโหมกระหน่ำจนเกิดการตระหนกตกใจและโวยวายกันทั้งบ้านทั้งเมือง ซึ่งล้วนเป็นเรื่องเกิดความเสียหายและซ้ำเติมวิกฤติให้กับบ้านเมืองทั้งสิ้น
พวกหนึ่งก็ถือโอกาสกล่าวหาว่าร้ายถล่มรัฐบาลอย่างเสียๆ หายๆ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่อง และเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี
อีกพวกหนึ่งก็ถือโอกาสกล่าวหาว่าร้ายนายทักษิณ ชินวัตร ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือ “พี่จัดให้”ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระเช่นเดียวกัน และสะท้อนให้เห็นความมีอคติชนิดขาดความเป็นผู้เป็นคนกันไปแล้ว
ดังนั้นก็ต้องประกาศให้ได้ทราบโดยทั่วกันว่าเรื่องสหรัฐตัด GSP ประเทศไทยในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายทักษิณ ชินวัตร และไม่ได้เกี่ยวกับการทำผิดทำพลาด
อะไรของรัฐบาลลุงตู่เลย และเพราะเหตุนี้บรรดานักฉวยโอกาสทั้งหลายหรือบรรดาพวกตื่นข่าวทั้งหลายจึงควรจะได้ตั้งสติเสียให้ถูกต้อง และถ้าหากไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็ลองมาอ่านบทความนี้ดู
สหรัฐมีระบบการค้าเสรีมาแต่ไหนแต่ไร แต่มาถึงรัฐบาลลุงทรัมป์ผู้ก่อความฮือฮาให้เกิดกับมวลมนุษย์ไม่เว้นแต่ละวันจนหลายคนรู้สึกว่าเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในระบบการค้าเสรีของสหรัฐ คือกลายเป็นประเทศต่อต้านการค้าเสรีและสนับสนุนการผูกขาดไปเสียนั่น
ในระหว่างห้วงเวลาอันยาวนานที่สหรัฐใช้ระบบการค้าเสรีนั้นก็เปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกทำการค้าขายกับสหรัฐ แต่ต้องเสียภาษีตามอัตรามาตรฐานภาษีสินค้าขาเข้าแต่ละพิกัด หรือแม้จะเป็นทรัพย์สินทางปัญญาก็ต้องเสียภาษีตามพิกัดที่กำหนดด้วย
และเป็นธรรมดาของระบบภาษีที่ต้องมีข้อยกเว้น คือมีทั้งการงดเว้นภาษีบ้าง ลดอัตราภาษีบ้างตามควรแก่ประเทศคู่ค้า และตามควรแก่ประเภทสินค้าตามสถานการณ์ทางการค้าที่เกิดขึ้นแต่ละห้วงเวลา
การงดอัตราภาษีและการลดอัตราภาษีขาเข้าสหรัฐนั้นเรียกกันว่า GSP ซึ่งสหรัฐจะให้สิทธิ์ GSP ที่ว่านี้แก่ประเทศต่างๆ และตามประเภทสินค้าและตามห้วงเวลาไม่เหมือนกัน และเมื่อใดให้สิทธิ์ GSP ประการใดแก่ประเทศใดไปแล้ว สหรัฐก็มีสิทธิ์ที่จะปรับปรุงเรื่อง GSP ตามสถานการณ์ในบ้านเมืองของเขา เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนของเขา
การตัด GSP นั้น จึงมีทั้งกรณียกเลิกการยกเว้นภาษีและทั้งกรณียกเลิกอัตราภาษี และรวมถึงกรณีที่ปรับอัตราภาษีใหม่ ก็เรียกกันว่าตัด GSP ทั้งนั้น ส่วนจะเป็นกรณีใดก็ต้องดูประกาศและคำสั่งซึ่งเป็นอำนาจของประธานาธิบดีโดยการนำเสนอของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
สำหรับการตัด GSP ของประเทศไทยในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สหรัฐเคยให้สิทธิ์ GSP แก่ประเทศไทยมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทเกษตรและประมง ซึ่งตัวเลขสินค้าขาเข้าของสหรัฐปรากฏว่ามีสินค้าเหล่านี้จากประเทศไทยนำเข้าไปในสหรัฐปีละประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งสิทธิ์ GSP ที่ประเทศไทยได้รับสำหรับสินค้าดังกล่าวคือ การได้รับยกเว้นภาษีขาเข้า
ดังนั้นการตัด GSP ในครั้งนี้จะทำให้เกิดผลบังคับคือสินค้าขาเข้าสหรัฐจากประเทศไทยในประเภทสินค้าดังกล่าวจะต้องเสียภาษี และคิดเป็นมูลค่าภาษีปีละประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนภาษีไม่มากนัก ถ้าพูดถึงการค้าระหว่างประเทศก็กล่าวได้ว่าเป็นตัวเลขกระจอกงอกง่อยก็ได้
ผลจากการตัด GSP ประเทศไทยในครั้งนี้ ประเทศไทยยังคงสามารถส่งสินค้าดังกล่าวเข้าไปในขายในสหรัฐได้เหมือนเดิมทุกประการ จะส่งเข้าไปมากขึ้น
หรือน้อยลงก็ได้ไม่มีปัญหาใดๆ เพียงแต่ว่าต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด ซึ่งคิดเป็นตัวเลขประมาณปีละ 1,500 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย
เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตราวกับเป็นเรื่องเป็นตายดังที่ตื่นข่าวกัน ดังนั้นเมื่อคนทั้งหลายทราบและเข้าใจฉะนี้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องวิตกกังวล เพราะผู้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ของไทยก็ยังคงค้าขายได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องเสียภาษีประมาณ 1,500 ล้านบาท จากจำนวนยอดขายประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าน้อยมาก เพราะยังไม่ถึง 5% เลย หากเทียบกับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศไทย ก็ยังน้อยกว่าถึง 2% เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป
เมื่อเข้าใจเรื่องดังกล่าวแล้วก็ควรจะได้เข้าใจต่อไปว่า ในกรณีที่จะมีการตัด GSP นั้นไม่ใช่นึกฝันเอาแล้วก็ทำได้ในเวลาอันสั้นๆ แต่เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องของสหรัฐจะต้องทำการศึกษาสำรวจข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนและต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งสหรัฐก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งด้วยซ้ำไป และเมื่อประธานาธิบดีลงนามในประกาศตัด GSP แล้ว ก็ใช่ว่าจะมีผลทันที แต่ต้องให้เวลาอีกระยะหนึ่งประมาณ 6 เดือน เพื่อเจรจากันอีกครั้งหนึ่ง หากไม่ตกลงคำสั่งนั้นจึงจะมีผลบังคับ
ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณชินวัตร และไม่เกี่ยวข้องกับการแบนสารพิษดังที่โกหกพกลมกันแต่ประการใด แต่เป็นเรื่องที่สหรัฐมุ่งเจรจาต่อรองในเรื่องการค้าหรือเรื่องซ่อนเงื่อนอื่น ซึ่งอีกไม่นานก็คงจะรู้กัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี