บ้านเมืองเรากำลังเกิดความสับสนในแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายกัญชา ซึ่งกำลังสับสนนักต่อนักและความสับสนนั้นได้ขยายตัวอย่างกว้างขวาง อาจก่อเค้าเป็นความขัดแย้งใหญ่ภายในประเทศอีกเรื่องหนึ่งก็ได้
มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายยาเสพติด โดยแจ้งแก่ประชาชนว่าเพื่อเปิดทางให้แก่การอนุญาตให้นำยาเสพติดประเภทห้า ซึ่งหมายความรวมถึงกัญชา กัญชงและกระท่อม ให้นำมาใช้ทางการแพทย์ได้
โดยให้อำนาจคณะกรรมการและหน่วยงานบางหน่วยงานเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ ตลอดจนพิจารณาอนุมัติอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้คนทั้งหลายมีความหวังว่าสักวันหนึ่งคนไทยจะได้มีโอกาสใช้กัญชาในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
เพราะบัดนี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่ากัญชานั้นแท้จริงไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นพืชเศรษฐกิจที่ล้ำค่าที่อาจพลิกแผ่นดินภาคเกษตรไทยที่ลำบากยากจนให้พ้นสภาพนั้นสู่ความอยู่ดีกินดีได้โดยไม่เป็นภาระแก่รัฐต่อไป
ทั้งยังสามารถรักษาความเจ็บป่วยได้มากมายหลายโรค ไม่ว่าโรคมะเร็ง โรคพาร์กินสัน โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคร้ายแรงต่างๆ รวมทั้งโรคสามัญทั้งหลาย แม้กระทั่งใช้เป็นอาหารหรือเครื่องสำอางดังที่หลายประเทศเขาได้นำมาใช้กันอย่างคึกคักครึกโครมจนรู้ทั่วกันทั้งโลกแล้ว
ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งถึง 1 ล้านคน เสียชีวิตปีละ 1 แสนคน และป่วยเพิ่มปีละแสนกว่าคน เมื่อรวมญาติพี่น้องเข้าด้วยกันแล้วก็มีผู้ทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้นับสิบล้านคน และเป็นสิบล้านคนที่อยู่ในวัยทำงาน จึงเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงทั้งเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ คนเหล่านี้ตั้งความหวังอย่างแรงกล้าปรารถนาที่จะได้ใช้กัญชาในการรักษาความเจ็บป่วยของตน
และดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจก็ทราบความปรารถนาและแรงกระเพื่อมนี้เป็นอย่างดีจึงพยายามผ่อนแรงกระเพื่อมนั้นไม่ว่าการนิรโทษกรรมชั่วคราวเพื่อให้ปลูกและใช้กัญชารักษาความเจ็บป่วยได้
ตลอดจนการอนุญาตให้สถาบันการศึกษาและโรงพยาบาลหลายแห่งนำกัญชามาใช้ในการรักษาความเจ็บป่วย และยังให้หน่วยงานของรัฐบางหน่วยงานทำหน้าที่ปลูก สกัด และนำกัญชามาใช้ทั้งวิจัยและการรักษาพยาบาลได้ ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมกันอยู่ทั่วประเทศ
และในที่สุดโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งก็เริ่มเปิดให้ใช้ยากัญชา แต่ที่น่าจับตาก็คือมีการนำข้อมูลมาเปิดเผยอย่างชัดเจนแล้วว่าผู้มีอำนาจหน้าที่ได้อนุญาตให้บริษัทเครื่องสำอางของเจ้าสัวรายหนึ่งได้รับอนุญาตทั้งปลูก ทั้งสกัด ทั้งวิจัย ทั้งใช้สอยนำเข้าและส่งออกซึ่งกัญชาได้
ดังนั้นความหวังและความปรารถนาของคนทั้งหลายจึงยิ่งโหมกระพือแรงกล้าขึ้น จนกระทั่งภาคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยได้ร่วมกันเสนอกฎหมายกัญชาเสรี ให้ทุกครอบครัวสามารถปลูกได้อย่างน้อยบ้านละ 6 ต้น เข้าสู่การพิจารณาของสภา ในขณะที่รัฐบาลเองทำเป็นนิ่งเฉยและไม่มีท่าทีที่ชัดเจนใดๆ
จึงเป็นที่มาของการติฉินนินทาว่าอาจจะมีใครบางคนกำลังดำเนินการมากหลายเพื่อนำกัญชาให้เป็นสิทธิ์แก่ต่างชาติหรือพวกเจ้าสัวในการผูกขาด เช่นเดียวกับที่มีการผูกขาดเหล้าและบุหรี่ เป็นต้น
คำติฉินนินทากึกก้องสนั่นไปทั้งบ้านทั้งเมืองยังไม่ทันจางก็เกิดเหตุการณ์ที่คนทั้งหลายไม่นึกฝันขึ้น นั่นคือการไล่จับไล่กวาดล้างภาคประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยทั้งหลายในแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อกวาดล้างการปลูกกัญชา ไม่ว่าจะปลูกกันต้นสองต้นหรือสิบต้นหรือมากกว่านั้น
ปรากฏการณ์ของการกวาดล้างรื้อถอนต้นกัญชาดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ ใครๆ ก็ดูออกว่ามีใครบางคนที่เป็นผู้บงการให้มีการดำเนินการดังกล่าวอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ประหนึ่งว่าจะทำลายมิให้ภาคประชาชนสามารถปลูกและใช้กัญชา
และในที่สุดการผูกขาดของต่างชาติหรือเจ้าสัวก็คงจะเกิดขึ้นติดตามมา และเมื่อนั้นประชาชนไทยทั่วประเทศก็จะหมดสิทธิ์ทั้งการปลูกและการใช้ เพราะสิทธิ์ในการปลูกและการใช้ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่ายิ่งของชาติย่อมถูกบรรณาการให้กับต่างชาติหรือเจ้าสัวบางคน
ซึ่งขณะนี้ก็มีการกล่าวขวัญกันแล้วว่าชาติไหนและเจ้าสัวรายใดบ้างที่จะได้สิทธิ์ดังกล่าว ยกเว้นเจ้าสัวรายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางที่ได้สิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว
นี่คือความสับสนในทางนโยบายเกี่ยวกับเรื่องกัญชา กัญชง และกระท่อม ซึ่งคนที่คิดอ่านทำการเรื่องนี้ต้องถือว่าเป็นคนใจดำอำมหิตต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างยิ่ง
สถานหนึ่ง อำมหิตต่อพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศที่จะต้องลำบากยากจนดักดานไปชั่วกัลปาวสานไม่สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่คือกัญชา กัญชง และกระท่อม ซึ่งมีราคาสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมาก ทั้งประเทศไทยก็มีความพร้อมอย่างเต็มที่
สถานหนึ่ง อำมหิตต่อประชาชนที่เจ็บป่วยและรอความหวังว่าจะได้ใช้ยากัญชาในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของตน
สถานหนึ่ง อำมหิตต่อแพทย์แผนไทย เภสัชกรไทย และหมอพื้นบ้านทั้งหลายที่หลงเชื่อว่ากำลังจะได้สิทธิ์ในการใช้ยากัญชาเพื่อฟื้นฟูแบบแผนการรักษาแผนโบราณของไทยให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งสามสถานนี้นี่แหละ ถ้าสิ้นความอดทนลงเมื่อใดก็คงจะได้เห็นเหตุการณ์ที่ประชาชนจะได้ลุกฮือขึ้นล้มล้างความโสโครกทั้งหลายในบ้านเมือง ทำนองเดียวกับที่มหาตมะ คานธี เคยนำชาวอินเดียนับร้อยล้านคนเดินทางไปทำนาเกลือจนนำไปสู่การประกาศเอกราชของอินเดียมาแล้วก็ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี