“ไอเอ็มเอฟ” IMF ย่อมาจาก International Monetary Fund หรือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2487 โดยแนวคิดการก่อตั้งไอเอ็มเอฟ มาจากที่ประชุมว่าด้วยเรื่องการเงินและการคลังแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Monetary and Financial Conference ณ เมืองเบรตตันวูดส์ รัฐนิวแฮมเชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือที่รู้จักกันในนาม การประชุมเบรตตัน วูดส์ (Bretton Woods Conference)
มีหน้าที่หลักอธิบายแบบชาวบ้านคือปล่อยกู้ให้กับประเทศที่ประสบกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ให้คำปรึกษาข้อแนะนำ กำกับติดตามลูกหนี้ ซึ่งคนไทยรู้จักไอเอ็มเอฟ เป็นอย่างดีในรัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ต้องนำประเทศเข้าโปรแกรมไอเอ็มเอฟ คือขอกู้เงินมาใช้จ่ายบริหารจัดการภายในประเทศเนื่องจากขณะนั้นประเทศไทยมีปัญหาฟองสบู่แตกเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวได้มีการชดใช้คืนไอเอ็มเอฟหมดแล้วในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และเป็นการใช้หนี้ครบก่อนกำหนด
ในการประชุมอาเซียนครั้งที่ 35 ที่ไทย เป็นเจ้าภาพเมื่อเร็วๆ นี้ นางคริสลินา กอร์เกียวา กรรมการผู้จัดการ ไอเอ็มเอฟ ก็มาเยือนประเทศไทยประชุมกับผู้ว่าธนาคารชาติของกลุ่มอาเซียนแล้ว เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล
การพบกันหนนี้ ไม่ได้มีโปรแกรมของการกู้เงิน ซึ่งทางนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อธิบายเป็นการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าทางธนาคารกลางของแต่ละประเทศ มีความเป็นห่วงในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และทุกแห่งจะต้องมีการปรับตัว พร้อมเตรียมมาตรการในการรองรับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยยืนยันไปด้วยว่าทางประเทศไทยดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการรองรับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอด และมีแผนปฏิบัติการเรื่องของฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมทั้งข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและขจัดขยะทางทะเล รวมทั้งการยกเลิกการใช้ถุงพลาสติก ซึ่งทางกรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ก็ได้ชื่นชมประเทศไทย
ส่วนรายงานในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจโลก นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ในหลายข้อเสนอแนะ เราพร้อมที่จะรับมาดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนโยบายด้านการเงินที่ทางไอเอ็มเอฟระบุว่า ไทยยังสามารถจะปรับได้อีก ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของระยะยาว คือการปรับโครงสร้างขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษาจะพัฒนาอย่างไรให้มีคุณภาพ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการพัฒนาทักษะแรงงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า สิ่งเหล่านี้ได้อยู่ในแผนพัฒนาและแผนยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้วที่จะมีการทบทวนทุกๆ 5 ปี ทั้งนี้ ทางแบงก์ชาติของไทยคงได้มีการหารือตัวแทนไอเอ็มเอฟอีกครั้งหนึ่ง และไอเอ็มเอฟมองประเทศไทยว่า ยังมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีกมากตามศักยภาพที่มี
การพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรี กับผู้นำไอเอ็มเอฟหนนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องไปเข้าโปรแกรมกู้เงินจากไอเอ็มเอฟเหมือนในอดีต แต่ข้อเสนอในเรื่องทางวิชาการเกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจการคลัง การพัฒนาประเทศ ทั้งสองฝ่ายยังคงร่วมมือกันต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี