วันพฤหัสบดี ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569
โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาสมัยที่ 2 ภายหลังการเลือกตั้งวันที่ 26 มีนาคม ก็คือปัญหาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศที่คณะรัฐมนตรีรัฐบาลผสม 18 พรรคการเมือง ยังแก้ไขปัญหาได้ไม่สำเร็จที่จริงเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา นั้นมีเค้าของปัญหาเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นมาให้เห็นบ้างแล้วแต่รัฐบาลขณะนั้นไม่กล้าตัดสินใจถ้าทำเสียตั้งแต่ปีที่แล้วสถานการณ์ก็อาจจะไม่น่าจะวิตกมากเหมือนในปีนี้
ปัญหาที่ว่าก็คือปัญหาราคาผลผลิตทางด้านการเกษตรตกต่ำพร้อมๆ กันหลายชนิดโดยเฉพาะยางพารา,ปาล์มน้ำมันและข้าว มาปีนี้ปัญหาใหญ่ที่กระทบมาก ก็คือฝนแล้งทำให้เกิดภาวะไม่มีน้ำเพียงพอทางด้านเกษตรกรรมทำให้คนในระดับรากหญ้าขาดรายได้ลงไปมากส่งผลไปถึงอำนาจซื้อในตลาดและมาส่งผลกับภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศจนทำให้สินค้าเครื่องอุปโภคและบริโภคจำหน่ายได้น้อยลง
เมื่อสินค้าล้นตลาดอุปทานมากแต่อุปสงค์น้อยเกิดเศรษฐกิจหดตัวก็ส่งผลให้เกิดการปิดโรงงานต่างๆตามมาในที่สุด ซึ่งก่อนจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงเช่นนี้รัฐบาลก็ต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้ยาแรงและตัดสินใจแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วไวมากกว่าปกติจึงจะเป็นหนทางออกที่ทันกับสถานการณ์ วิธีแก้ไขก็คือรัฐบาลต้องยอมทุ่มงบประมาณให้เกิดอุปสงค์ในตลาดเพิ่มตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาคของลอร์ดเคนส์นั่นเอง
โครงการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC เป็นโครงการใหญ่เพียงแผนเดียวน่าจะน้อยเกินไปรัฐบาลต้องเปิดแผนพัฒนาประเทศให้มากขึ้นเรียกว่าปูพรมเปิดโครงการพัฒนาให้ทั่วถึงทุกภาคไปพร้อมๆ กันเลยเช่นแผนพัฒนาภาคตะวันตก หรือ WEC แผนพัฒนาภาคใต้ หรือ SEC และแผนพัฒนาภาคเหนือ หรือ NEC พร้อมๆ กันไปเลย
แม้จะต้องใช้วงเงินมหาศาลมากกว่าปกติก็ไม่น่าจะวิตกเพราะรัฐบาลสามารถตั้งบรรษัทระดมทุนในการพัฒนานานาชาติได้อย่างสบายเพราะหลายๆ โครงการนั้นมีหลายๆ ชาติได้ให้ความสนใจจะเข้ามาลงทุนพัฒนาอยู่แล้ว ประกอบกับไทยมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศมากกว่า 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าไทยมีกองทุนสำรองที่แข็งแกร่งเป็นหลักประกันฐานะทางเศรษฐกิจที่สำคัญมากประการหนึ่ง
ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าที่สำคัญก็คือการหาแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่เกษตรกรทุกๆ ภาคสามารถกู้นำไปใช้พัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาตลาดของแต่ละกลุ่มโดยความทั่วถึงการปลูกพืชต้องให้มีการลดต้นทุนและปลูกพืชตามความต้องการของตลาดโลกมากกว่าตามใจของตัวเกษตรกรเอง
ประการสำคัญก็คือ รัฐบาลต้องติดอาวุธทางด้านปัญญาให้แก่เกษตรกรอย่าให้ลุ่มหลงมัวเมาอย่าใช้นโยบายประชานิยมในทางที่ผิดมุ่งใช้นโยบายที่เรียกว่าประชารัฐเข้ามาทดแทนนอกเหนือจากนี้ รัฐบาลต้องปราบปรามการทุจริตคิดมิชอบและการฉ้อราษฎร์อย่างเข้มงวดรวมทั้งเอาผิดคนที่โกงบ้านกินเมืองเดิมๆ อย่างไม่ไว้หน้าพร้อมทั้งยุบทิ้งรัฐวิสาหกิจที่สร้างหนี้สิน หรือขายทิ้งรัฐวิสาหกิจที่ล้มละลายที่เป็นตัวถ่วงออกไปเสียบ้างก็จะทำภาวะต่างๆ ดีขึ้นได้ในที่สุด

'ดร.ส้ม' ลั่นไม่เคยเคลมผลงานใคร ยันลุยดัน กม.คุกคามทางเพศมาตั้งแต่ปี62
มีหนาว! คุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดีย มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ฉบับใหม่ กำหนดคุณสมบัติต้องห้าม ผู้ใหญ่บ้าน
สุริยะใส ย้อนเกล็ด เลือกตั้ง ไม่เอาลุง ครั้งนี้ ไม่เอาเทา คงได้ รัฐบาลเทวดา
แฉทุนจีนแย่งอาชีพคนไทย รุกธุรกิจเผาถ่านกะลามะพร้าว ทำผู้ประกอบการไทยเดือดร้อน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี