นักการเมืองของไทยไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงโดยเฉพาะพวกนักเลือกตั้ง จะโดยแกล้งไม่เข้าใจเพื่อผลประโยชน์ของตน เพราะคนพวกนี้โดยเฉพาะนักเลือกตั้งจะอ้างว่าเขามาจากการเลือกตั้งโดยยึดว่าการเลือกตั้งเป็นหลักประชาธิปไตย ความจริงการเลือกตั้งเป็นเพียงขบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวแทนไปทำหน้าที่แทนประชาชนในรัฐสภาเท่านั้น การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นเป็นระบอบการปกครองของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน ซึ่งการปกครองของประเทศไทยมิได้เป็นไปตามหลักการดังกล่าว เพราะประการแรก ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่แสดงออกซึ่งความเป็นประชาธิปไตยเพียงไม่ถึงนาที ได้แก่
เวลาในการหย่อนบัตรเลือกตั้ง การเลือกผู้แทนมิได้เลือกเพราะผู้สมัครมีอุดมการณ์ แต่เลือกเพราะอามิสสินจ้างในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการซื้อสิทธิขายเสียง หรือรู้จักกันมากกว่าจะเข้าใจว่าเลือกเพื่อทำหน้าที่อะไร สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะประชาชนส่วนใหญ่ขาดความเอาใจใส่ หวงแหนในสิทธิของตน ฉะนั้น เมื่อเลือกตัวแทนไปแล้วตัวแทนเหล่านั้นจะเอาสิทธิของตนไปต้มยำทำแกงอย่างไรก็ได้ โดยเฉพาะพวกผู้แทนฯที่ซื้อเสียงแล้วนำความเป็นผู้แทนฯไปทำการหากิน ไปคอร์รัปชั่น ทั้งโดยตรงและโดยนโยบาย สร้างความร่ำรวยให้แก่ตน ส่วนประชาชนก็ยังถูกเอารัดเอาเปรียบ และบางคนยังพินอบพิเทาพวกผู้แทนฯ โดยยังยึดติดกับระบบเจ้าขุนมูลนาย เป็นเสมือนทาสที่ยังไม่ถูกปลดปล่อย
ที่เป็นเช่นนี้เพราะประเทศไทยมีการปกครองที่เรียกว่า ประชาธิปไตยเพียงแต่ในนามเท่านั้น ประชาชนไม่เคยลุกขึ้นรักษาสิทธิของตนหรือมีบ้างเพียงครั้งคราวเท่านั้น เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปก็เลิกสนใจสิทธิทางการเมืองของตน ทั้งนี้ เพราะคนไทยไม่เคยรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อปกป้องและรักษาสิทธิของตน ดังประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้กระทำเลย ฉะนั้นถ้าประชาชนชาวไทยต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว จำเป็นต้องทำการปฏิรูปประเทศในทุกมิติ ไม่ใช่เพียงการแก้กฎกติกาดังที่เคยผ่านมา แต่จำเป็นต้องปฏิรูปจิตและวิญญาณของประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยไปพร้อมกัน นั่นหมายความว่า ประชาชนชาวไทยทุกคนจะต้องรู้จักและหวงแหนสิทธิและหน้าที่ของตน โดยไม่ยินยอมหรือสยบต่ออำนาจใดๆ ที่นอกกติกา เช่น อำนาจโดยมิชอบของข้าราชการ นักการเมือง ด้วยเลิกความคิดที่ว่าธุระไม่ใช่ เป็นธุระใช่ ไม่เป็นไทยเฉย หรือสยบต่ออำนาจโดยมิชอบอย่างเด็ดขาด และที่สำคัญ คือ การรวมกลุ่มพลังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมือง กลุ่มเศรษฐกิจ กลุ่มสังคม กลุ่มวัฒนธรรม ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการรวมกลุ่มดังกล่าวจะเป็นรากฐานสำคัญต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือเปรียบเสมือนการสร้างอาคาร คือ ประเทศ กลุ่มพลังต่างๆ จะเปรียบเสมือนเสาเข็มที่จะทำให้อาคารหรือประเทศมั่นคง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบดังนี้ จะพบว่าประชาธิปไตยของไทยที่ผ่านมาเปรียบเสมือน อาคารที่ปราศจากเสาเข็ม
อย่างไรก็ดี นอกจากนี้กลุ่มพลังต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มพลังทางการเมืองจะต้องเป็นกลุ่มพลังที่ถาวรไม่ใช่กลุ่มเฉพาะกิจ และต้องรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่นและถาวรถ้าปราศจากลุ่มพลังที่ถาวรแล้ว การเมืองของประเทศจะกลับสู่วังวนดังเช่นอดีตที่ผ่านมา
ฉะนั้น ถ้าต้องการให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นและยั่งยืนในสังคมไทย ประชาชนชาวไทยผู้รักประชาธิปไตยจะต้องรวมพลังกันเป็นกลุ่มการเมืองดังกล่าวแล้วข้างต้นที่จะเป็นฐานรากของพรรคการเมือง ที่มั่นคงและถาวรโดยมิยินยอมให้กลุ่มอื่นที่ใช้วิธีการที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยสอดแทรกเข้ามาทำลายหลักประชาธิปไตยได้ โดยประชาชนในสังคมจะต้องยึดหลักที่ว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นการปกครองของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี