ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หมายความว่าประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่ากับพระมหากษัตริย์ไทยมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดกันมาโดยตลอด
ยามใดที่บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวายหาทางออกไม่ได้หรือไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ยามนั้นพระมหากษัตริย์จะทรงเข้ามาช่วยเหลือ พาชาติบ้านเมืองคืนสู่ความสงบสุขอย่างที่ปรากฏให้เห็นมาแล้วหลายยุคสมัยที่ผ่านมา
บนเส้นทางอย่างนี้ทีมีชื่อเรียกว่า “ราชประชาสมาสัย” ซึ่งมีความหมายว่า พระมหากษัตริย์กับประชาชนอาศัยซึ่งกันและกัน
คำว่า ราชประชาสมาสัยนี้ เป็นคำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงบัญญัติขึ้นเมื่อครั้งพระองค์ท่านทรงตั้ง “สถาบันราชประชาสมาสัยในการรักษาพยาบาลประชาชน” ที่อยู่ที่พระประแดง สมุทรปราการ
แต่เดิมนั้นสถาบันราชประชาสมาสัยเน้นการรักษาโรคเรื้อนและต่อๆ มาได้ขยายไปสู่การรักษาโรคอื่นๆ
ประชาธิปไตยขี้เรื้อนที่มีพวกโรคเรื้อนทางการเมืองเข้ามาเผยแพร่อย่างที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ เช่น มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง แต่ไม่ตั้งมั่นอยู่บนหลักการของความซื่อสัตย์สุจริต กล้าที่จะทำ กล้าที่จะคิด กล้าที่จะพูด โดยไม่ไตร่ตรองให้ดีและรอบคอบ หรือทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนตน เหมือนมีโรคเรื้อนในตัว
คนเหล่านี้สมควรส่งเข้ารักษาที่สถาบันราชประชาสมาสัย
เพราะคนดังกล่าวนี้ก็เหมือนคนป่วยทางจิตที่เป็นขี้เรื้อน
คนป่วยทางจิตอย่างนี้เป็นคนที่มีความผิดปกติทางความคิด มีความผิดปกติทางอารมณ์ซึ่งมีอาการแสดงออกไม่เหมือนคนทั่วไปที่ปกติหูเบา ใจเบา สมองเบา เมื่อได้อำนาจมาใช้จึงหลงในอำนาจ เมาในอำนาจ อยากอยู่ในอำนาจต่อไปไม่สิ้นคิด
เป็นคนที่ทำลายหรือทำร้ายได้แม้กระทั่งมิตรของตน
เป็นคนป่วยทางจิตที่ถือตัวเองเป็นสิ่งถูกต้องที่ทุกคนต้องฟังและต้องทำตามคำสั่ง
คนป่วยทางจิตดังกล่าวนี้ ไม่จำเป็นต้องมีอาการหลายอย่างคิดขึ้นพร้อมๆ กัน บางคนแสดงอาการผิดปกติอย่างเดียวก็มี ชอบแยกตัวออกไปอยู่คนเดียว หรือชอบพูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว ก็มี
แม้กระทั่งคนที่ชอบทำตาขวาง ชี้ไม้ชี้มือไปที่คนนั้นคนนี้ในลักษณะแสดงอำนาจ ก็จัดอยู่ในประเภทคนป่วยทางจิตได้เช่นเดียวกัน
จิตที่ป่วยก็เหมือนจิตที่เป็นขี้เรื้อน ต้องส่งตัวไปรักษาที่สถานพยาบาลราชประชาสมาสัย
เคยมีตัวอย่างแห่งความสำเร็จ ของราชประชาสมาสัยมาแล้วในกรณีแก้ไขปัญหาทีมหมูป่า 13 คน ที่เข้าไปติดอยู่ในถ้ำขุนน้ำนางนอน ดอยผาหมี อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งไม่เห็นเดือนเห็นตะวันหลายต่อหลายวัน เพราะหาทางออกจากถ้ำไม่ได้
การทำงานแก้ปัญหานี้ เป็นผลสำเร็จที่มาจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายที่เข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหานี้ ในการนำเด็กๆ ที่หลงคิดอยู่ในถ้ำดังกล่าว
งานครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10ได้มีพระมหากรุณาธิคุณในการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์
เป็นผลสำเร็จบนเส้นทางแห่งราชประชาสมาสัย
เป็นตัวอย่างที่ดียิ่งในการแก้ไขปัญหาสำคัญของบ้านเมืองขณะนี้ที่กำลังหาทางออกไปสู่แสงสว่าง
บ้านเมืองของเราขณะนี้ตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายไม่ดีหลายอย่าง มีความแตกแยก ไม่สามัคคีปรองดองกันเท่าที่ควรจะมี อาจขยายตัวออกไปอีกได้เรื่อยๆ
ความทุจริตคดโกงเกิดขึ้นและขยายตัวมากขึ้นในหมู่ผู้มีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งสูงๆ
การแก้ไขปัญหาต่างๆที่ทำกันอยู่ ก็เป็นการแก้ไขปัญหาแบบ “ตั้งไข่ล้ม ต้มไข่กิน” อยู่ตลอดเวลา
คนที่กำลังมีอำนาจหน้าที่ในการทำงานขณะนี้ คงไม่ทันการศึกษาคำสอนเรื่อง “ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน” ดังกล่าว ซึ่งเป็นคำกลอนสอนใจของ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ทรงนิพนธ์ไว้เมื่อปี พ.ศ.2433 มีความว่า
“ตั้งเอ๋ยตั้งไข่
จะตั้งใยไข่กลมก็ล้มสิ้น
ถึงว่าไข่ล้มจะต้มกิน
ถ้าตกดินก็อดหมดฝีมือ
ตั้งใจเรานี้จะดีกว่า
อุตส่าห์อ่านเรียนเขียนหนังสือ
ทั้งวิชาสารพัดเพียงฝึกปรือ
อย่าดึงดื้อตั้งไข่ร่ำไรเอย”
ฝากกลอนบทนี้ให้คนมีอำนาจทุกคนขณะนี้ได้อ่านและคิด อย่ามัวทำเรื่องไม่ได้เรื่อง ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน เพราะอิ่มท้องอย่างที่เห็น
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี