ชื่อเรื่องข้างบนนี้มาจากกลอนสุนทรภู่ท่อนสุดท้ายที่สุนทรภู่แต่งไว้อย่างน่าฟัง สำหรับสอนใจมนุษย์ให้รู้จักพูดจา ว่าควรจะพูดอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ และไม่เป็นพิษเป็นภัยกับตัวเองจากคำพูดของตน ดังคำกลอนต่อไปนี้
“ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา”
คำกลอนของสุนทรภู่ดังกล่าวข้างต้นนี้สอนให้รู้ว่า การพูดเก่งนั้นไม่ใช่การพูดแบบน้ำไหลไฟดับ แต่ต้องมีสาระ มีน้ำหนัก มีเหตุผล เป็นที่ยอมรับกันได้สำหรับคนฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรู้จักกาลเทศะที่จะพูดด้วย ไม่ใช่จะต้องพูดอะไรทุกครั้งเพื่อให้ใครต่อใครรู้ว่าเราเป็นคนพูดเก่ง
บางคนใช้คารมทางวาจาโฆษณาตัวเองว่าดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่มองตัวเองว่าดีจริงอย่างที่พูดหรือไม่ บางคนพูดแล้วทำให้ปัญหาบานปลายยิ่งขึ้นไปอีกก็มี ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันหนักกว่าเก่า
บางครั้งคำพูดเพียงประโยคเดียวก็พลิกสถานการณ์ได้ จะพลิกไปในทางดีก็ได้ หรือจะพลิกให้เลวลงไปอีกก็ได้สุดแล้วจะสรรหาถ้อยคำมาพูด
การเมืองบ้านเราขณะนี้ก็ยังเหมือนเดิมในเรื่องของการพูดจา ไม่ค่อยจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไรในเรื่องการพูดจาให้ฝ่ายตนดูดี ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ บางคนไม่ใช่นักการเมืองโดยอาชีพ แต่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะ “ปืนพาไป”ก็มี อย่างเช่นสถานการณ์ในบ้านเราขณะนี้ ที่เราจะได้ยินการพูดจาบางครั้งบางคราวเหมือนอารมณ์พาไปเพราะถูกยั่วถูกแหย่จากนักข่าว ซึ่งตั้งคำถามที่ทำให้ “เม้งแตก” บ่อยๆ จนทำให้ต้องเสียหายกับบุคลิกของการเป็นคนมีหน้าที่รับผิดชอบสูงๆของบ้านเมือง เพราะพูดด้วยอารมณ์
สำหรับคนที่เป็นนักการเมืองโดยอาชีพนั้น หลายคนเป็นคนพูดจามีสาระน่าเชื่อถือ พูดจาแบบสมเหตุสมผลและไม่ค่อยจะหลุดอาการของ “เม้งแตก”ออกมาให้เห็นอย่างประเจิดประเจ้อ การใช้ปากของคนที่เป็นนักการเมืองโดยอาชีพอย่างนี้เข้าได้กับภาษิตไทยที่ว่า “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก” นั่นเอง ไปที่ไหนมีแต่คนรักคนนับถือ
ผิดกับนักการเมืองโดยอาชีพหลายคนในบ้านเราขณะนี้ ที่มีพฤติกรรมในการพูดจาในลักษณะด่าว่ากันไปมาโดยไม่สมเหตุผล เพียงเพื่อทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง และยกตัวเองว่าดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง และหลายๆคนของนักการเมืองอาชีพเหล่านี้ยังเป็นคนที่พูดจาในลักษณะปากไม่ตรงกับใจ คือใจอย่างหนึ่งแต่ปากอีกอย่างหนึ่ง สามารถประจบสอพลอผู้ที่จะให้ประโยชน์ตนได้อย่างไม่กระดากอาย นักการเมืองอาชีพอย่างนี้
มีให้เห็นมากมายในบ้านเราขณะนี้ ยกย่องพวกเดียวกันเองแต่โจมตีด่าว่าให้ร้ายคนที่ไม่ใช่พวกตัว ประพฤติปฏิบัติจนตรงข้ามกับภาษิตไทยที่ว่า “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก” ทุกอย่าง เข้าทำนอง “พูดมากปากมีสี” มากกว่า เพราะด่าว่ากันแบบท้าตีท้าต่อยกันให้เห็นอยู่ในขณะนี้
การพูดจึงต้องมีหลักและสมเหตุสมผลดังที่กล่าวมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าได้มีอาการ “เม้งแตก” จากคำถามที่ไม่ถูกอารมณ์
อยากเล่าเรื่องวิธีตอบคำถามของ “ขงจื้อ” ให้ฟัง
“ขงจื้อ” เป็นปรมาจารย์ที่เก่งและดีมากคนหนึ่งของจีน เป็นที่รู้จักกันแทบจะทั่วโลก มีสำนักของตนตั้งอยู่ที่มณฑลชานตง ทางตอนเหนือของประเทศจีน ซึ่งผมเคยไปเยี่ยมเยือนสำนักแห่งนี้มาแล้วหลังเกษียณอายุราชการ
คราวหนึ่งลูกศิษย์ขงจื้อถามขงจื้อว่า “อาจารย์ครับ คนที่ตายไปแล้วนั้นเขามีความรู้สึกไหม” ถ้าขงจื้อตอบว่ามี ผู้คนก็ต้องสิ้นเปลืองไปกับพิธีศพ พิธีเซ่นไหว้กันอย่างหนักแทบไม่ต้องทำมาหากิน
ถ้าขงจื้อตอบว่าไม่มี ผู้คนทั้งหลายก็อาจจะโยนศพพ่อแม่ทิ้งไว้ตามชายทุ่งก็ได้
ขงจื้อขจัดปัญหาของคำถามดังกล่าวนี้ด้วยการตอบคำถามของลูกศิษย์ว่า “ถ้าเธออยากรู้ว่าคนตายมีความรู้สึกหรือไม่ เธอจงรอให้ตัวเองตายเสียก่อน แล้วค่อยๆค้นคว้าดูก็ได้ ไม่สายไปหรอก”
ขงจื้อเข้าใจพูดเข้าใจตอบ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร ไม่เกิดปัญหาบานปลายใดๆขึ้น เป็นคำพูดเพียงประโยคสั้นๆ ที่พลิกสถานการณ์แห่งความไม่เข้าใจ หรือความอยากรู้อยากเห็นได้
ยกเรื่องขงจื้อตอบคำถามลูกศิษย์ดังกล่าวขึ้นมาเล่าให้ฟังในวันนี้ ก็เพราะเห็นว่าบ้านเมืองของเราขณะนี้เริ่มมีบรรยากาศแห่งการพูดจาโต้เถียงกันด้วยเรื่องต่างๆมากขึ้นทุกวัน ความสงบสุขเรียบร้อยดูจะจางหายลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากกลุ่มคนที่ยังคงแบ่งกันเป็นฝักเป็นฝ่ายจากการเมืองที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ทั้งเก่าและใหม่ แม้กระทั่งระหว่างคนถืออำนาจอยู่ในขณะนี้ที่ดูเหมือนจะไม่สมัครสมานสามัคคีกันเท่าที่ควร ทำให้เกิดการพูดจากันอย่างไม่ค่อยจะเข้าหู แม้กระทั่งคำถามที่ตั้งถามเพราะอยากรู้คำตอบ
ถ้าตอบแบบ “เม้งแตก” บ่อยๆอย่างที่ผ่านมา ไม่เข้าใจพูด ไม่เข้าใจตอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายออกไปอีกละก็ ทั้ง “ขงจื้อ” และ “สุนทรภู่” ก็ช่วยอะไรไม่ได้ คงต้องรับกรรมที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนก็แล้วกัน
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี