วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือปฏิบัติการทางจิตวิทยาเป็นสิ่งที่พัฒนามาจากการใช้สื่ออย่างอื่นในอดีตในการปฏิบัติการทางจิตวิทยา ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งไปที่งานเกี่ยวกับราชการสงครามหรือความมั่นคง จึงถือว่าเป็นกลไกหรือเครื่องมืออย่างหนึ่งในการทำสงคราม หรือในภารกิจเพื่อความมั่นคง ซึ่งต้องใช้ด้วยความระมัดระวังและโดยผู้ที่มีความรู้จริง
ครั้นเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น การปฏิบัติการโดยจิตวิทยาก็ได้อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศและโซเชียลมีเดียเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำสงครามจิตวิทยา แต่ก็ต้องใช้ภายใต้การบัญชาการที่ฉลาดแยบยลและมีแผนการของผู้บัญชาการทางทหาร หรือผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับงานความมั่นคง
ต่อมาก็มีนักการเมืองนำโซเชียลมีเดียมาใช้ในการหาเสียงหรือสร้างค่านิยมทางการเมือง และใช้ปฏิบัติการอย่างได้ผล โดยเฉพาะล่าสุดคือการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเด็ดขาดก็ด้วยการใช้โซเชียลมีเดีย
ดังนั้นการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการหาเสียงทางการเมืองจึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นปฏิบัติการจิตวิทยา หรือ IO เพื่อราชการสงครามหรือความมั่นคง เพราะเป็นเรื่องที่จำกัดอยู่เฉพาะการสร้างค่านิยมหรือความนิยมเพื่อให้ได้คะแนนเสียงทางการเมืองเท่านั้น
แต่ก็มีการใช้คำเรียกขานว่าเป็น IO เพราะดูเท่และเก๋ดี เพราะในบางครั้งการใช้ศัพท์แสลงในราชการสงครามหรือความมั่นคงนั้นก็ทำให้ขรึม ขลังและได้ราคาค่าออนกว่าใช้ถ้อยคำปกติ เพราะเหตุนี้จึงมีการใช้คำว่า IO ในการใช้โซเชียลมีเดียหรือเทคโนโลยีสารสนเทศในการหาเสียงทางการเมืองจนกลายเป็นเรื่องติดปากกันไป
ซึ่งถ้าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือที่เรียกกันตามภาษาตลาดว่า IO ก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ เพราะไม่ได้สร้างความขัดแย้งกับใคร ไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เพียงแต่สร้างกระแสหรือค่านิยมว่ามีคุณงามความดี ว่ามีความเด่นหรือมีความวิเศษอย่างไรเท่านั้น
ซึ่งการโฆษณาตัวเองว่าดีอย่างไร ว่าเด่นอย่างไร ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเสียหาย และขึ้นอยู่กับว่าใครจะเชื่อถือยอมรับแค่ไหนเท่านั้น แต่สำหรับในทางการเมืองหรือในการเลือกตั้งก็ย่อมมีผลและเป็นประโยชน์ในทางการเมืองอยู่นั่นเอง แต่ยังไม่จัดว่าเป็นโทษภัยร้ายแรงอะไรแก่สังคมหรือผู้อื่น
อย่างมากที่สุดก็แค่เกิดความหมั่นไส้หรือรำคาญและถ้าเป็นกรณีเช่นนั้นก็จะเป็นผลร้ายแก่ผู้ใช้ เพราะจะไม่สมประโยชน์ในการใช้เพื่อหาคะแนนเสียงหรือ
ความนิยม ดังนั้น โดยสภาพของการใช้ IO ในลักษณะนี้จึงถูกควบคุมโดยตัวเองและโดยสังคม คือ คุยโวโอ้อวดมาก หรือทำจนผู้คนหมั่นไส้มากแทนที่จะได้คะแนนเสียงหรือความนิยมกลับจะต้องสูญเสีย
แต่ในบ้านเมืองของเราทุกวันนี้เกิดอาการวิปริตวิปลาสชนิดที่ไม่เคยคาดคิดกันมาก่อน เพราะแทนที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IO ในขอบเขตเพื่อสร้างค่านิยมหรือความชมชอบเพื่อให้ได้คะแนนเสียงทางการเมือง กลับเลยเถิดข้ามเส้นไปเป็นการใช้เพื่อการทำลายล้างผู้อื่นที่อยู่คนละฝั่งคนละฝ่ายกับตนเอง ซึ่งก็คือก้าวไปสู่เส้นแดนของการใช้ IO เพื่อราชการสงครามหรือความมั่นคงไปแล้ว
เพราะเป็นการใช้เพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงกันข้ามเป็นคนละเรื่องเป็นคนละอย่างกับการใช้เพื่อสร้างความนิยมให้กับตนเอง ตรงนี้จึงเกิดความเสียหายขึ้นแก่
ผู้อื่น แก่สังคม และแก่ระบบการเมืองของประเทศ
และเมื่อมีการใช้กันแบบนั้นแล้วก็เลยเถิดยิ่งขึ้นไปอีก คือแทนที่จะใช้เรื่องจริงหรือความจริงในการทำลายล้างคนอื่น กลับสร้างข้อมูลเท็จ หรือข่าวลวง หรือเสกสรรปั้นแต่งขึ้นล้วนๆ เพียงเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่คนอื่น เช่น การตัดต่อภาพก็ดี การปลอมแปลงข้อความก็ดี การบิดเบือนถ้อยคำก็ดี หรือการพาดหัวเรื่องให้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มิใช่เนื้อความที่แท้จริงก็ดี
เพียงเพื่อให้เกิดความเกลียดชังแก่เป้าหมายก็เป็นอันใช้ได้ ดังนั้นการใช้ IO แบบนี้จึงเป็นการใช้ IO แบบราชการสงครามหรือความมั่นคง ซึ่งมีลักษณะทำลายล้าง ทั้งความเชื่อถือเชื่อมั่น ตลอดจนทำลายชื่อเสียงเกียรติคุณ และส่งผลในทางก่อความแตกแยกแตกสามัคคีภายในชาติ
และเป็นธรรมดาของการต่อสู้ เมื่อคนพวกหนึ่งถือว่าใครมีความเห็นต่างเป็นศัตรูที่ต้องทำลายล้างกันทุกวิถีทางแล้วก็เสกสรรปั้นแต่งและทำลายล้างกันในทุกวิถีทาง โดยเฉพาะการเพิ่มขนาดและปริมาณในปฏิบัติการ IO จนราวกับว่าเป็นสงครามรุนแรงเกิดขึ้นในบ้านเมือง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงเตือนสติสังคมไทยไว้ว่า เราเป็นสังคมของการเอาอย่าง ดังนั้นเมื่อพวกหนึ่งทำได้ อีกพวกหนึ่งก็ทำบ้าง และในที่สุดก็ขยายวงขยายพวกเป็นวงกว้างออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เพราะเหตุที่โซเชียลมีเดียนั้นมีลักษณะเป็นแมสมีเดีย หรือเป็นสังคมที่เป็นมวลใหญ่ มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพสูง ถ้าจะสร้างสรรค์ก็จะสร้างสรรค์ได้มากถ้าเป็นการทำลายล้างก็เป็นการทำลายล้างได้มากได้เร็ว
ดังนั้นเมื่อต่างพวกต่างฝ่ายต่างก็ขยายวงขยายพวกในการทำ IO แก่กันก็กลายเป็นการจัดตั้งกองทัพปฏิบัติการจิตวิทยาเพื่อการศึกสงครามแก่กันระหว่างคนชาติเดียวกัน และบางกรณีก็เป็นเรื่องระหว่างผู้ที่ต้องรักษาความมั่นคงและความปกติสุขของบ้านเมือง กับอีกพวกหนึ่ง
วันนี้ประเทศไทยของเรามีสภาพไม่ต่างกับสงครามในแนวรบสื่อหรือแนวรบ IO ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นวงกว้างมากที่สุด ที่สำคัญคือระดับความรุนแรงนั้นมากถึงขั้นที่พร้อมจะฆ่าฟันกันได้ทุกเมื่อ
นี่คือชะตากรรมของประเทศชาติที่กำลังมาถึงหน้าผาแห่งสงครามกลางเมืองแล้ว ใครจะหยุดยั้งมันก็คิดกันเอาเอง หาไม่แล้วหายนะย่อมเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองของเราโดยมิพักต้องสงสัยเลย

ฟันโช๊ะ! 'เทพไท' วิเคราะห์เบื้องหลัง 'อนุทิน' ออกแถลงการณ์ 8 ข้อ
เจ็บอื้อ50ราย! เกิดระเบิดกลางมัสยิดช่วงละหมาดในกรุงจาการ์ตา
อุตุฯเตือน! 'เหนือ–อีสาน–กลาง'เตรียมรับมือฝนตกหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน
เปิดเทอมนี้ ‘คีน’ และ ‘วง V3RSE’ ชวนเติมพลังบวก ในกิจกรรมต้านยาเสพติด ‘โครงการทูบีนัมเบอร์วัน’
‘ตั้งสติ’ ท่อนฮิต TikTok เหล่าคนดังครีเอทคอนเทนต์กันสนั่นฟีด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี