l ความผันผวน : จุดเปลี่ยนของ “โลก –ประเทศ – ตัวเรา” ในยามวิกฤติหัวใจ คือ การมองสภาพความเป็นจริงของธรรมชาติ – โลกและการมองบวก คิดสร้างสรรค์
oอย่าให้วิกฤติใดๆ มาทำให้ใจของเราเล็กลงมืดบอด หยุด บั่นทอนจิตใจ ให้เรายอมแพ้ ผู้ที่จะฝ่าฟันภาวะวิกฤติเช่นนี้ได้ดี คือผู้ที่คิด ตามความเป็นจริงของโลก ทุกอย่างมันมีสองด้าน มีมืดมีสว่าง มีบวกมีลบ มีดีมีไม่ดี มีสำเร็จมีล้มเหลว
oทุกๆ คนสามารถ ฝึก และพัฒนาตัวเอง ให้มองตามความเป็นจริง มองในแง่ดี คิดบวกได้ คือ มีวิกฤติย่อมมีโอกาส และโอกาสเป็นของผู้ยืนหยัดต่อสู้แน่วแน่ เอาจริง ไม่ยอมแพ้ และเมื่อเราผ่าน “วันแห่งความทุกข์ ความยากลำบากฯ” มาได้ เราก็จะเข้มแข็งและแข็งแกร่ง พัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าไปได้
l 23 มีนา 2563 Mr.Antonio Guterres เลขาธิการใหญ่ องค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า
o“เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่สามารถใช้เครื่องมือปกติในเวลาที่ผิดปกติเช่นนี้ การเผชิญกับ COVID-19 เป็นวิกฤติสุขภาพระดับโลกที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ 75 ปีของสหประชาชาติ
l มองและเข้าใจ ในแต่ละเรื่องอย่างไร?
การมีมติครม.ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันอังคาร ๒๔ มีนาคม และมีผล ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ เป็นการประเมินตามสภาพความเป็นจริง ของ “โรค” และ “ความคิดของคนไทย” คือ การทำตามขั้นตอน มีจังหวะก้าว ผ่านการระดมความคิดของหมอ และรัฐบาลเรื่องการระบาดของ COVID-19 ยังไม่มีสูตรสำเร็จในการรักษาป้องกัน เพราะเป็นเรื่องใหม่การรักษาป้องกัน ในระดับต่างๆ รวมทั้งการ LOCK DOWN เป็นไปตามสภาพของแต่ละประเทศทั้งระบบการเมือง การบริหาร ปกครอง ความพร้อมทางการแพทย์ และเศรษฐกิจสังคมฯ ประเทศไทยมีความขัดแย้งทางความคิดและการเมืองสูง ไม่ยอมกัน และมีดุลกำลังทุกฝ่ายการใช้อำนาจ หรือมีมาตรการเด็ดขาดทันที ย่อมถูกคัดค้าน และ ต่อต้านสูงการดำเนินการอย่างมีจังหวะก้าว มีขั้นตอน แต่ยึดความรุนแรงและการระบาดของโรคที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปจากเริ่มต้น มาถึงตอนนี้ จึงได้รับการร่วมมือจากคนส่วนใหญ่และบีบให้ พรรคการเมือง นักวิชาการสื่อและมวลชนที่ค้าน ต้องยอมรับและทำตามและทำให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีเวลาเตรียมการเตรียมใจ ต่องานใหญ่นี้
l เรื่องสำคัญที่ได้มองเห็นในการหยุดนิ่งใช้สติปัญญา มองความเป็นจริงที่ผ่านมา
๑. บทบาทปัจเจก : หัวใจ คือ ความอิสระ ภูมิรู้การมองความจริง เห็นแก่ตัวหรือส่วนรวม ระดับของการเป็นอิสระ และการควบคุมได้ เริ่มไล่เลียง ได้ คราวๆ ดังนี้
๑.๑ ความคิดต่อตัวเอง : ต้องพัฒนาตลอด ให้คิดถึงทั้งส่วนตัวและส่วนรวม
๑.๒ บุคคลอื่น : มิใช่ตัวเรา > รู้และไม่รู้ ในการเปลี่ยนแปลงทางบวกหรือลบฯ
๑.๓ กลุ่มองค์กร : พรรคการเมือง : มวลชน :นักคิดอคติ ฯลฯ
@ ฉะนั้น หากเรา เข้าใจ ข้อเท็จจริงนี้เราจะได้เริ่มทำอะไรได้ถูกต้อง และมีผลได้จริง
๒. บทบาทของภาพรวม ในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทย
๒.๑ ผู้นำ และระบบการเมือง ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้จริง
๒.๒ กำลังและศักยภาพที่เป็นจริงของภาคส่วนต่างๆ ที่สำคัญในสังคม ดังนี้
- ผู้นำกองทัพ ผู้นำพรรคการเมืองนายทุนใหญ่ ข้าราชการฯ
- นักทฤษฎีทางการเมือง เศรษฐกิจ สื่อ เครือข่ายสื่อใหญ่ ซึ่งเป็นทุนใหญ่ (ในและนอกประเทศ)
๒.๓ กำลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นเพียงนามธรรมแต่ไม่เป็นจริง (อีกแล้ว) ในสังคมไทย แต่ถูกใช้เป็นข้ออ้าง และเป็นเพียงเครื่องมือของผู้มีอำนาจฝ่ายต่างๆ
- ประชาชน กรรมกร (ผู้ใช้แรงงาน) เกษตรกร และนักศึกษา
๓. ความคิดเก่า และ โลกเก่า
๓.๑ สังคมนิยม เสรีนิยม สังคมประชาธิปไตย
๓.๒ ประชาธิปไตย เผด็จการ (คือ ตัวที่มีปัญหามากที่สุด ในสังคมไทย) เพราะถูกครอบงำทางความคิด จากพวกทุนเสรี (นักการเมือง) ที่ได้ประโยชน์สูงสุด การเข้าใจ และการนำมาใช้ในสังคมไทยให้ได้ผลอย่างแท้จริง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
๔. ความคิดใหม่ และโลกใหม่
ความสับสน ซับซ้อน ความเห็นแก่ตัวของคน
การพัฒนาของปัญหาต่างๆ ทั้ง “โลก – โรค”ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ทำให้ปัญหาต่างๆ ก่อวิกฤติได้เร็วขึ้น และการหาทางป้องกันรักษาสถาบันเก่า จะทำได้ยากขึ้น
l บทสรุป : คนไทยทั้งประเทศ และมวลมนุษยชาติ จะต้องหันหน้ามาร่วมมือกันคิดค้น แสวงหาแนวทางใหม่ ความคิดใหม่ หลักการใหม่ ระบบใหม่ ที่จักแก้วิกฤติของประเทศและโลกได้
สำหรับปัจเจกชน ต้อง เริ่มที่ตัวเอง เอาจริง มุ่งมั่นแน่วแน่ ในการพัฒนาตนเอง ทั้งกายใจความคิดธรรม และจิตวิญญาณ เพื่อให้ตัวเองมีคุณภาพมีศักยภาพ อยู่รอดได้ พึ่งตนเองได้ ไม่เป็นภาระแก่ใครและช่วยเหลือ เสียสละให้ผู้อื่น เริ่มจากครอบครัว เพื่อนมิตร ชุมชน สังคม ประเทศชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี