ช่วงนี้คงไม่มีใครสนใจเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่อง COVID-19 ผมก็เขียนมา 4-5 สัปดาห์แล้ว วันนี้จึงเสนอตั้งข้อสังเกต 9 ข้อ
1.จังหวะที่เกิด เป็นช่วงที่โลกไม่มีการทำงานเป็นทีมขาดผู้นำของโลกเพราะทรัมป์ มองแต่ประเทศตัวเอง ไม่ได้เป็นผู้นำในการแก้ปัญหา โจมตีประเทศจีนว่าเป็นตัวปัญหา เรียกว่า Chinese Virus ถ้าโอบามายังอยู่คงจะนำโลกในการป้องกันได้ดีกว่านี้เพราะในยุคของโอบามาได้ดูแลโรคอีโบลาได้สำเร็จ
2.กลุ่มประเทศที่ประสบความสำเร็จ เป็นประเทศที่รัฐบาลและข้าราชการเข้มแข็ง เช่น จีน เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ แต่ประเทศที่มีเสรีภาพมีนโยบายเสรี เช่น สหรัฐหรือยุโรป กลับมีปัญหามาก เพราะประชาชนชอบเสรีภาพไม่ต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทสูง
ไม่น่าเชื่อว่า สหรัฐ ที่มีระบบการแพทย์และเป็นประเทศผู้นำของโลกมาตลอดกว่า 100 ปี ปัจจุบัน เอาตัวไม่รอดเพราะผู้นำไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ แรกๆ พูดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล (Hoax) แต่ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากอันดับหนึ่งของโลกและไม่มีท่าทีว่าจะแก้ปัญหาได้
3. การขอร้องให้คนไทยมีวินัยในการอยู่บ้าน สำเร็จบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ แต่กลุ่มที่ทำยากคือกลุ่มวัย 15-30 ปี เคยชินกับชีวิตที่ขาดวินัย การขอร้องให้อยู่บ้านมักจะได้ผลเฉพาะผู้ใหญ่ แต่ส่วนเด็กๆ ก็ยังใช้ชีวิตตามสบาย
4. มีนักเขียนคนหนึ่งในอเมริกาพูดตลกๆ ว่า
- BC และ AC แบบเก่า คือ ปฏิทินก่อน Jesus Christ และหลัง Jesus Christ
- BC และ AC แบบใหม่ คือ ก่อนโคโรนา Before Corona และหลังโคโรนา After Corona
ซึ่งหลังเอาชนะเสร็จแล้วจะมีเรื่องใหม่เกิดขึ้นมากมายเช่น
- การใช้ชีวิตแบบ Work from Home (WFH) ทำงานที่บ้าน
- การเรียน Online (LFH) Learning from home
- การวิจัยและการพัฒนาการหายารักษา Corona เช่นวัคซีน
- แรงจูงใจของคนเก่งๆ จะหนีจากวิศวะคอมฯมาเรียนหมอโรคระบาดหรือนักวิจัยโรคระบาดมากขึ้น เพื่อไม่เกิดโรคระบาดอีก และผลตอบแทนจะมีค่ามหาศาล
- มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกว่าระบบ 4.0 คือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เช่น ขายของออนไลน์หรือการเรียน จะดีกว่านี้ถ้าขยายไปยังทุกกลุ่มในประเทศไทยโดยเฉพาะรัฐน่าจะช่วยสร้างระบบให้ทุกๆ คนมีโอกาสใช้การขายออนไลน์
5. แปลกที่ว่านอกจากจีนแล้ว ประเทศที่ร่ำรวยกลับมีปัญหามากกว่าประเทศกำลังพัฒนา ตัวอย่างประเทศ 11 ประเทศที่มีผู้ป่วยสูงสุด
ในอดีตโรคระบาดมักจะเกิดในประเทศที่ยากจน เช่น แอฟริกา เรื่อง อีโบลา หรืออหิวาตกโรคและมาลาเรีย แสดงว่า COVID เป็นโรคระบาดที่เกิดจากการอยู่แบบหนาแน่นของมนุษย์ ยิ่งรวยและมีคนอยู่มากจะติดต่อมาก สร้างปัญหา เช่น นิวยอร์กมีผู้ป่วยมากที่สุดในอเมริกาเพราะคนแออัดและมีหลายชาติ กรุงเทพฯก็เป็นตัวอย่างที่มีโควิด-19มีมากที่สุดเพราะคนอยู่แออัดมากจะติดมาก
6.ข้อสังเกตอีกข้อ คือ ทำไมอิตาลีมีคนตายมากเป็นหมื่น แต่เยอรมนีมีผู้ป่วยกว่า 60,000 คน แต่ตายไม่ถึงพันคน ค้นพบว่าอิตาลี คนตายเป็นผู้สูงอายุมากและของเยอรมนีมีคนป่วยมากกว่า แต่มีการแพทย์ดูแลผู้ป่วย โดยแยกกันผู้ป่วยออกจากคนหมู่มาก ตั้งแต่ช่วงแรก โดยสำรวจว่าผู้ป่วยไปเกี่ยวข้องกับใครบ้างและกันคนเหล่านั้นออก ผู้ป่วยถึงจะมากแต่รักษาทัน จำนวนผู้เสียชีวิตจึงไม่มาก
7. ข้อสังเกตอีกข้อคือในประเทศไทยคนสูงอายุตายไม่มากและติดเชื้อไม่มากเพราะมีความเข้าใจว่าจะต้องป้องกันตัวเองแบบ social distancing ที่ติดโควิด-19 กันมากๆ ก็คือ คนวัยรุ่น วัยทำงาน 20-40 ปี เพราะบริษัทส่วนใหญ่ยังไม่หยุดทำงาน และบางครั้งก็ไม่ได้กักตัวเองมีอาการก็ประมาทหรือไม่บอกหมอหรือการ Test (ตรวจโรควินิจฉัย) อาจจะยังไม่ครอบคลุมพอ และขาดวินัยในตัวเอง
8. ในประเทศไทยกลุ่มคนที่จะต้องระมัดระวังอีกกลุ่มคือคนทำงานในธุรกิจเดลิเวอรี่ เพราะปัจจุบันมีความต้องการธุรกิจเดลิเวอรี่มาก ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานในร้านหรือกลุ่มส่งของ เดลิเวอรี่ เช่น ผู้ขับขี่จักรยานยนต์มักไม่ป้องกัน มีระยะห่างกัน อาจเป็นพาหะจากตัวเอง และการส่งของไปที่บ้านหรือคอนโดฯ ก็ไม่ป้องกันตัวเองหรือผู้รับอาจจะไม่เตรียมตัวให้ดี มีการสัมผัสกัน อาจจะสร้างปัญหาได้
9. ในประเทศไทยระดับซูเปอร์มาร์เก็ตมีการระวังเรื่องความสะอาดและการคัดกรอง เช่น ตรวจอุณหภูมิยังมีร้านสะดวกซื้อที่ได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นหมื่นๆ แห่ง ทั่วประเทศ แต่อาจจะไม่ได้ป้องกันระมัดระวังเท่าที่ควรจึงอาจจะนำมาสู่ การติดต่อได้ รัฐบาลจึงควรมีนโยบายป้องกันร้านสะดวกซื้อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย
หวังว่าข้อคิดดังกล่าวพอจะกระตุ้นให้ผู้อ่านได้นำมาคิดและช่วยกันปฏิบัติให้โลกและประเทศไทยค่อยๆ หลุดพ้นจากวิกฤติที่กระทบคนทั่วโลกที่ไม่เคยรุนแรงเท่านี้มาก่อนและใช้โอกาสครั้งรุนแรงมหาศาลมาปรับพฤติกรรมของคนในโลกและคนในประเทศไทย เช่น การทำงานที่บ้าน การขายออนไลน์หรือการเรียนที่บ้าน รวมทั้งการระวังตัว เช่น การล้างมือ หรือการรักษาสุขอนามัยของคนในสังคมไทยอย่างทั่วถึง
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี