ในยามที่ธุรกิจกิจการด้านสื่อสารมวลชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย กำลังตกอยู่ในสภาวะที่อยู่ได้ยากเย็นแสนเข็ญ เพราะหาเงิน หารายได้เข้าสู่องค์กรและหน่วยงานได้ลำบากเหลือแสน เนื่องจากหาผู้สนับสนุนได้ไม่ง่ายนัก แต่กลับมีหน่วยงานด้านสื่อสารมวลชนของไทยแห่งหนึ่ง ที่มีเงินทองอุดมสมบูรณ์อย่างสุดแสนมหัศจรรย์จนเกินบรรยาย หน่วยงานนั้นคือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่เขากล้าประกาศตัวแบบน่าหยิกว่า สถานีข่าวที่คุณไว้วางใจได้ แต่คนวงในที่รู้ความไม่โปร่งใสของสถานีข่าวแห่งนี้ต่างบอกตรงกันว่า สถานีข่าวที่คุณไม่ควรไว้วางใจ (โดยเฉพาะในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในองค์กร)
วันนี้มีข้อมูลเรื่องเงินทองมหาศาลของไทยพีบีเอสมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้
ไทยพีบีเอสประกาศแผนงบประมาณประจำปี 2563รวม 2,953.86 ล้านบาท อ่านว่า 2 พัน 9 ร้อย 5 สิบ 3 ล้าน จุด แปดหกล้านบาท
แยกเป็น แผนตามภารกิจ พ.ร.บ. ส.ส.ท. (องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย) 2,163.35 ล้านบาท 1 ด้านเนื้อหาและช่องทาง 1,221.66 ล้านบาท แบ่งย่อยเป็น 1.1 ด้านเนื้อหา 1,039.05 ล้านบาท 1.2 ด้านช่องทางออนไลน์ 55.40 ล้านบาท 1.3 Content R&D 13.16 ล้านบาท 1.4 Content Marketing & PR 20.15 ล้านบาท 1.5 ด้านการสร้างการมีส่วนร่วม 93.90 ล้านบาท
2 ด้านงานสนับสนุน 943.96 ล้านบาท แบ่งย่อยเป็น 2.1 Technology โทรทัศน์ IT 228.55 ล้านบาท 2.2 ด้านบริหารจัดการ บริหารความเสี่ยงและธรรมาภิบาล บศ.องค์กร การเงินบัญชี จัดซื้อและพัสดุ งานบริหารทั่วไป 139.53 ล้านบาท 2.3 การพัฒนาบุคลากร 21.0 ล้านบาท 2.4 ค่าใช้จ่ายบุคลากร 554.61 ล้านบาท
3 แผนลงทุน 357.62 ล้านบาท แบ่งเป็น 3.1 การลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แผนผลิตละครแห่งปี 1 เรื่อง 25.6 ล้านบาท (ออกอากาศปี’64) 3.2 แผนลงทุนเพื่อ Transform สู่ความยั่งยืน แบ่งเป็น early retire 65 ล้านบาท ICT master plan 139.99 ล้านบาท ระบบฐานข้อมูล 12.04 ล้านบาท พัฒนาพิพิธภัณฑ์สื่อสาธารณะ 19.3 ล้านบาท พัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตรายการและออกอากาศ 65.69 ล้านบาท 3.3 การลงทุนทางกายภาพ แผนปรับปรุงภูมิทัศน์ 30 ล้านบาท
4 แผนสำรอง 29.76 ล้านบาท แบ่งเป็น งบฉุกเฉิน 10 ล้านบาท งบสำรองด้านบุคลากร 9.76 ล้านบาท โครงการทบทวน พ.ร.บ.ฯ 10 ล้านบาท
5 งบบริหารโครงข่ายฯ 401.13 ล้านบาท แบ่งเป็น บุคลากร60.35 ล้านบาท งบดำเนินการ 291.80 ล้านบาท งบลงทุน 48.18 ล้านบาท โครงการแบ่งปันความรู้สู่สาธารณะ 0.8 ล้านบาท
ประมาณการรายรับของ ส.ส.ท. พ.ศ. 2563 ประกอบด้วย เงินบำรุงองค์การฯ 2,000 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัลและบริการสิ่งอำนวยความสะดวก 358.8 ล้านบาท รายได้ดอกผลที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินขององค์การ และรายได้อื่นๆ 207 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,565.8 ล้านบาท
ข้อมูลดิบที่นำมาเสนอในวันนี้ต้องทำให้คุณตื่นตะลึงกับเงินจำนวนมหาศาลที่ไทยพีบีเอสมีอยู่เพื่อใช้บริหารองค์การฯ สำหรับปี 2563 และคุณคงประจักษ์แจ้งแล้วว่า ไทยพีบีเอสคือองค์กรสื่อสารมวลชนที่มีรายได้มหาศาลจริงๆ แล้วก็หาองค์กรสื่อสารมวลชนอื่นๆ ในประเทศไทยที่มีรายได้มากมายมหาศาลเทียบเท่าไทยพีบีเอสไม่ได้อีกแล้ว
ด้วยความที่ไทยพีบีเอสมีเงินถุงเงินถังอุดมสมบูรณ์อย่างน่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้ ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาเปล่าๆ ได้มาฟรีๆ ผู้บริหารองค์การ ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องแสดงฝีมือแต่อย่างไร องค์การฯ นี้ก็ได้เงินเปล่าๆ แล้วปีละอย่างน้อย 2 พันล้านบาท ค่าตอบแทนของผู้บริหารองค์การ จำพวกกรรมการนโยบาย ที่ได้รับในแต่ละเดือนก็มากมายเป็นเงินเกือบแสนจนถึงแสนกว่า ส่วนผู้อำนวยการองค์การ ได้ค่าตอบแทนประมาณ 2 แสนบาท ส่วนผู้จัดรายการบางรายการก็มีอาณาจักรเป็นของตนเอง มีเงินงบประมาณพิเศษที่ซ้ำกันไปซ้อนกันมาจนยากที่จะเห็นถึงความโปร่งใสขาวสะอาด
เพราะฉะนั้น จึงไม่เป็นที่ประหลาดใจเลยกับการที่สาธารณชนจะได้พบได้เห็นว่ามีคนบางกลุ่มบางพวกจึงกระเสือกกระสนเข้าไปเวียนว่ายอยู่ในแหล่งที่อุดมไปด้วยเงินได้เปล่าเช่นนี้ตลอดเวลา แล้วยังพบด้วยว่าคนบางคนนั้นไม่ยอมตาย และไม่ยอมไปเกิดใหม่ในที่อื่น เพราะเขาเหล่านั้นรู้ดีว่าไม่มีองค์กรสื่อ แห่งใดในประเทศไทยจะอุดมสมบูรณ์ด้วยเงินทองที่ได้มาเปล่าๆ เทียบเท่ากับไทยพีบีเอสอีกแล้ว
ไม่ทราบว่าคุณสังเกตเห็นอะไรที่น่าสนใจและน่าติดตามในงบประจำปี 2563 ของไทยพีบีเอสหรือไม่ หากยังไม่พบขอแนะนำให้กลับไปอ่านข้อมูลข้างต้นอีกครั้ง แล้วจะพบว่าองค์การนี้ มีค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรสูงถึง 554.61 ล้านบาท นี่คือเครื่องพิสูจน์ที่บ่งชี้ได้ชัดเจนว่า ค่าตอบแทนของบุคลากรขององค์การนี้ สูงมาก แต่ก็มีคำถามตามมาว่า เมื่อได้รับเงินตอบแทนรายเดือนสูงมากมายมหาศาลแล้ว คุณภาพของงานที่นำเสนอต่อสาธารณชนนั้นสูงตามเงินเดือนหรือไม่ ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่ตั้งคำถามกันมากมายคือ แล้วกระบวนการคัดสรรบุคคลเข้าไปรับเงินเดือนสูงๆ นั้นโปร่งใส ขาวสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ หรือว่าเป็นไปตามหลักการ “พวกกู พวกกัน ก็ดันเข้าไป ส่วนความสามารถนั้นไม่ต้องนำพา ไม่ต้องสนใจ แค่ขอให้เป็นพวกกูก็พอแล้ว”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 ไทยพีบีเอสแต่งตั้งคณะกรรมการธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ลงนามโดยจุมพล รอดคำดี ประธานกรรมการนโยบาย โดยกรรมการที่ว่านี้ประกอบด้วย จุมพล ในฐานะประธานกรรมการ และมีกรรมการดังนี้ รุ่งมณี เมฆโสภณ พิเชฐ พัฒนโชติ ดนุชา คุณพนิชกิจ มานะ นิมิตรมงคล เมธินีเทพมณี พิพัฒน์ ยอดพฤติการ สุวรรณา สมบัติรักษาสุข โดยมอบให้ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระบบคุณภาพและบริหารความเสี่ยง เป็นเลขานุการ และมีผู้ช่วยเลขานุการอีกสองคนคือ ภัญญภา อิศรางกูร ณ อยุธยา และเจ้าหน้าที่ ส.ส.ท. ที่ได้รับมอบหมาย คณะกรรมการชุดนี้จะเริ่มปฏิบัติงานในวันที่ 30 เมษายน 2563 มีระยะเวลา 1 ปี
เมื่อสาธารณชนได้เห็นรายชื่อกรรมการธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมชุดนี้แล้ว คุณมีความคิดเห็นอย่างไร แต่คนในไทยพีบีเอสจำนวนไม่น้อยบอกตรงกันว่า no comment แต่มีบางคนบอกว่า เห็นชื่อกรรมการบางรายแล้วมันไปไม่ได้เลยกับการทำงานธรรมาภิบาล เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีธรรมาภิบาลในประเด็นใดเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ (ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2563)กำลังประกาศรับสมัครกรรมการนโยบาย เพื่อนำไปทดแทนกรรมการนโยบายที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งลง 5 คน คือ จุมพล รอดคำดีณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ พิเชฐพัฒนโชติ ไพโรจน์ พลเพชร และเรืองรวี พิชัยกุล โดยกรรมการสรรหากรรมการนโยบายของ ส.ส.ท. ประกอบไปด้วย ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ประธานสภาสถาบันนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนและเสริมสร้างสุขภาพ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ตอนนี้ทุกคนที่สนใจความเป็นไปของไทยพีบีเอสกำลังเฝ้าติดตามว่าใครจะได้เข้าไปกินตำแหน่งที่ว่างลง แล้วคนที่เข้าไปกินตำแหน่งนั้นจะมีคุณสมบัติดีเด่นหรือด้อยดับสักเพียงใดแล้วที่มากกว่านั้นก็คือจะมีขบวนการผลัดกันเกาหลังในการเลือกสรรหรือไม่ เพราะในยุคที่ผ่านๆ มานั้น สาธารณชนได้ประจักษ์ชัดแล้วว่า เป็นการเลือกสรรโดยเน้นคุณภาพหรือเน้นมิตรภาพมากกว่ากัน
ยังมีประเด็นต่างๆ อีกมากมายที่ชวนให้สาธารณชนเฝ้าติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในไทยพีบีเอส ซึ่งหลายเรื่องนั้นสุดแสนจะเร้นลับจนเกินบรรยาย เพราะทุกอย่างเป็นความลับที่แสนจะดำมืดเช่นการว่าจ้างคนบางคนเข้าไปทำงานบางอย่างในไทยพีบีเอสโดยได้รับเงินเดือนที่สูงเป็นแสนๆ บาท การใช้เงินงบประมาณที่เต็มไปด้วยความซ้ำซ้อนภายในหน่วยงานข่าว การรับบุคลากรเข้าทำงานการทำโครงการ early retire แต่สุดท้ายแล้วก็กลับมีการจ้างงานใหม่ในตำแหน่งที่เกือบจะคล้ายกับผู้ early retire การมีหน่วยงานด้านการผลิตรายการแต่กลับต้องเสียเงินว่าจ้างให้คนภายนอกผลิตรายการให้กับไทยพีบีเอส ฯลฯ
ขอบอกเพียงสั้นๆ ว่าสำหรับคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของไทยพีบีเอสแล้ว ทุกคนลงความเห็นคล้ายกันว่า ทีวีที่คุณวางใจได้ ยังมีเรื่องราวลึกลับที่ทำให้ต้องค้นหาความลับอีกมากมาย และมีผู้รู้ด้านสื่อสารมวลชนจำนวนไม่น้อยให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า หากรัฐบาลต้องการให้สื่อมวลชนของไทยผลิตผลงานดีๆ เพื่อสังคมแล้ว ต้องกระจายเงินที่ไทยพีบีเอสได้รับปีละอย่างน้อย 2 พันล้าน ให้กับสื่อมวลชนอื่นๆ แล้วให้แต่ละสื่อ แข่งขันกันผลิตเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์กับสาธารณชน ไม่ใช่ผูกขาดเงินอย่างน้อยปีละ 2 พันล้านบาท ไว้เฉพาะที่ไทยพีบีเอสเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี