คดีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร ตกเป็นผู้ต้องหาฐานร่วมกันฟอกเงินที่ได้มาโดยทุจริต จากเงินที่ธนาคารกรุงไทยอนุมัติกู้วงเงิน 10 ล้านบาท เป็นคดีหนึ่งที่สาธารณชน โดยเฉพาะผู้ที่สนใจข่าวการเมืองติดตามกันอย่างมาก เหตุที่ผู้คนจำนวนมากสนใจข่าวนี้ เพราะมีปัจจัยหลายเรื่อง เช่นนายพานทองแท้ เป็นลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งกำลังหลบหนีคดีอาญาแผ่นดินหลายคดี
ข่าวนี้โด่งดังมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 มีข่าวว่าอัยการสูงสุดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ (คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้คดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตวงเงิน 10 ล้านบาท จากการอนุมัติให้กู้โดยธนาคารกรุงไทย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91)
ก่อนที่จะคุยกันต่อในประเด็นคดีนี้ ก็ต้องกลับไปทบทวนก่อนว่าหน้าที่สำคัญของอัยการสูงสุดคืออะไร คำตอบในเรื่องนี้ขออ้างอิงจากพระราชบัญญัติองค์กรอัยการ และพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 ตามมาตรา 23 (คุณที่สนใจรายละเอียดโปรดค้นหาเพิ่มเติม) โดยระบุไว้ว่า ให้ความช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินการทางกฎหมาย รวมตลอดทั้งในการคุ้มครองป้องกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน ดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่งหรือคดีปกครองแทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งพนักงานอัยการได้รับดำเนินคดีให้ นั่นแสดงว่าอัยการสูงสุดต้องดูแลคุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน พร้อมๆ ไปกับการดำเนินการด้านบังคับคดีแทนรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐไปพร้อมๆ กัน
กลับไปพูดถึงประเด็นที่ข่าวบางสำนักระบุว่ารองอัยการสูงสุดรายหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุดเป็นผู้ลงนามในคำสั่งชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดีนี้ โดยสาธารณชนกำลังเฝ้าติดตามว่าไม่อุทธรณ์ด้วยเหตุผลกลใด แต่ทว่าณ ขณะนี้ (ก่อนส่งต้นฉบับเวลา 15.30 น. วันที่ 29 พฤษภาคม 2563) สาธารณชนยังไม่ได้รับทราบเหตุผลว่าทำไมอัยการสูงสุดจึงไม่อุทธรณ์คดี แต่การที่อัยการสูงสุดไม่อุทธรณ์คดีก็เท่ากับว่าคดีนี้สิ้นสุดลง
คำถามตัวโตที่สาธารณชนตั้งคำถามอย่างอึงมี่ตลอดเวลาคือ เหตุใดอัยการสูงสุดจึงไม่อุทธรณ์คดีของนายพานทองแท้ โดยสาธารณชนที่ติดตามคดีนี้ยังจดจำได้ดีว่าเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องคดีนี้ไปแล้ว
แต่สังคมไทยต้องรับทราบความจริงประการหนึ่งไว้ด้วยคือ เรื่องเงิน 10 ล้านบาทในคดีนี้ เป็นสิ่งที่สังคมยังคงตั้งคำถามว่า นายพานทองแท้รู้หรือไม่ว่าเงินก้อนนี้ซึ่งนายพานทองแท้ได้รับมาจาก นายวิชัย กฤษดาธานนท์อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานครกับพวกร่วมกันกระทำผิดกับอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ในการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ จำนวน 10,400 ล้านบาท อันทำให้ธนาคารกรุงไทยเสียหาย แล้วนายวิชัยกับพวกได้ร่วมกันฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิด แล้วสุดท้ายนายวิชัยได้โอนเงิน 10 ล้านบาทให้กับนายพานทองแท้ โดยสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2547จากบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารไทยธนาคาร สาขาบางพลัด โดยระบุชื่อนายพานทองแท้ แล้วจากนั้นนายพานทองแท้ก็นำเงินเข้าบัญชีธนาคารของตนเอง แล้วหลังจากนั้นไม่นานนายพานทองแท้ก็ถอนเงินก้อนนี้แล้วฝากเข้าบัญชีธนาคารของตนในธนาคารอีกแห่งหนึ่ง
เรื่องเหล่านี้สาธารณชนที่ติดตามข่าวนี้รับรู้เป็นอย่างดี แต่ไม่ทราบว่าอัยการสูงสุดรับทราบหรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญที่สาธารณชนตั้งคำถามเหมือนเดิมกับอัยการสูงสุดคือ สรุปว่าอัยการสูงสุดทำหน้าที่เพื่อใครเป็นสำคัญ และทำหน้าที่ด้วยเจตคติเช่นไรซึ่งเรื่องนี้สาธารณชนกำลังรอคำตอบชัดๆ จากอัยการสูงสุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี