วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เรื่อง CPTPP เป็นเรื่องดังและฉาวโฉ่ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ และถูกคัดค้านต่อต้านจากประชาชนจำนวนมาก ถึงขั้นกล่าวหาว่าเป็นการขายชาติและยกผลประโยชน์แห่งชาติให้กับต่างชาติ ทำให้เกษตรกรไทยและผู้ใช้ยาสมุนไพร ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับพืชสมุนไพรทุกชนิดตกเป็นทาสต่างชาติ
เพราะเหตุถูกต่อต้านจากประชาชนอย่างรุนแรงจึงทำให้การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีต้องหยุดชะงักถึงสองครั้ง และในที่สุดก็ไม่มีการนำเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างร้ายแรง
ในระหว่างที่มีข่าวว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีนั้น ตอนแรกต้นเรื่องก็มาจากกระทรวงพาณิชย์ จึงมีการโพนทะนาด่าว่าผู้รับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์อย่างรุนแรงจนกระทรวงพาณิชย์ต้องสั่งถอนเรื่อง ในขณะที่มีข่าวซุบซิบนินทาทางโซเชียลมีเดียว่าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งรับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ทำตามการมอบหมายจากคนในทำเนียบรัฐบาล
พอเสียงก่นด่าซาลงไปก็มีข่าวการนำเสนอเรื่องนี้ต่อคณะรัฐมนตรีอีก ทันทีที่ข่าวปรากฏขึ้นก็เกิดการคัดค้านกึกก้องและมีการปฏิเสธว่าไม่มีการนำเสนอเรื่องนี้ ข่าวเรื่องนี้เป็นการปล่อยข่าวโดยพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งย่อมหมายถึงพรรคที่ดูแลรับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์นั่นเอง
จากนั้นก็มีข่าวในโซเชียลมีเดียตอบโต้ว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และมีการเตรียมเรื่องที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีจริง โดยมีการแจกเอกสารจำนวน 19 หน้า โดยคนในทำเนียบรัฐบาล
ในขณะที่มีข่าวโต้ตอบทางโซเชียลมีเดียเช่นเดียวกันว่าคนในทำเนียบรัฐบาลถูกใส่ร้ายโดยพวกนักการเมือง
แล้วเรื่องก็เงียบไปจากทำเนียบรัฐบาล มาโผล่เป็นข่าวอีกทีก็มีการยื่นญัตติต่อสภาผู้แทนราษฎรให้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นพิจารณาผลดีผลเสียของการเข้าร่วม CPTPP โดยมีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลนั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ แล้วแถลงข่าวว่าการเข้า CPTPP เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ซึ่งความจริงไม่ใช่หน้าที่ของประธานคณะกรรมาธิการที่จะต้องแถลงเช่นนั้นเพราะคณะกรรมาธิการยังไม่ได้ประชุมพิจารณาเรื่องนี้เลย
เกิดกระแสการต่อต้านโจมตีเรื่องนี้อย่างรุนแรงว่าเป็นการลักไก่และอาศัยเสียงข้างมากในสภา อาศัยพวกมากลากไปเพื่อเอาประเทศไทยไปซุกใน CPTPP ในขณะที่ สส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านรุมกันออกความเห็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในทางเดียวกันคือในทางคัดค้าน
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงที่กระทบต่อเกษตรกรครึ่งประเทศและเป็นเรื่องที่บรรดาผู้รักชาติทั้งหลายคัดค้านอย่างรุนแรง ถึงขนาดพร้อมจะลงถนนเพื่อประท้วงในเรื่องนี้ จึงทำให้ผลที่หวังไว้ชักไม่แน่นอน
ในสภาวะเช่นนั้นก็มีคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นตัวแทนของนายทุนและต่างชาติได้โหมกระแสอย่างกว้างขวางว่า CPTPP เป็นประโยชน์ แต่ในที่สุดหน่วยงานรัฐบางหน่วยและองค์กรภาคประชาชนจำนวนมากก็ดาหน้าโต้แย้งอย่างรุนแรง
คนส่วนใหญ่ของประเทศจึงมีความมั่นใจว่ามีกระบวนการผลประโยชน์ภายใต้ต่างชาติที่ต้องการนำประเทศไทยเข้าไปอยู่ภายใต้ CPTPP
แล้วจู่ๆ ก็มีวาระเรื่องนี้เข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี แต่ในที่สุดก็มิได้มีการพิจารณา กลายเป็นว่านายกรัฐมนตรีออกคำสั่งเป็นข้อราชการให้คณะทำงานไปเจรจาเรื่องนี้ โดยระบุว่าถ้าไม่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนก็จะไม่เข้าเป็นสมาชิก
จึงทำให้คนทั้งหลายที่สงสัยว่าเหตุใด CPTPP จึงขับเคลื่อนด้วยอาการดังกล่าวนั้นได้รู้ทั่วกันว่านายกรัฐมนตรีได้ออกข้อสั่งการดังกล่าว ในขณะที่เรื่องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
และเกิดเสียงโต้แย้งว่าการไปเจรจานั้นมีประเด็นแต่เพียงว่าประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคี CPTPPหรือไม่ หรือว่าจะขอผ่อนปรนเงื่อนไขบางอย่างในระยะเวลาที่กำหนด หรือว่าไม่เข้า
โดยระบุว่า CPTPP นั้นเป็นข้อตกลงพหุภาคี ซึ่งมีข้อตกลงเฉพาะกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ประเทศใดก็ตามที่จะเข้าร่วมก็ต้องเข้าร่วมตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่อาจผ่อนผันได้ในเวลาปฏิบัติบางข้อ ซึ่งอาจจะขอเลื่อนเวลาปฏิบัติบางข้อ 1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี ไม่มีทางที่จะไปเจรจาเปลี่ยนแปลงข้อตกลงพหุภาคีในเรื่องดังกล่าวได้เลย
ดังนั้นเรื่องนี้จึงกลายเป็นความขัดแย้งในวงกว้างระหว่างผู้ที่มีความเห็นคัดค้านกับนายกรัฐมนตรีโดยตรงไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่คนจำนวนมากคาดคิดไม่ถึงว่าทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้น
เพราะภาคีของ CPTPP ที่มีอยู่นั้นส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มประเทศการค้าเสรีอาเซียนอยู่แล้ว รวมทั้งอาเซียน+3 และอาเซียน+6 ด้วย ประเทศไทยมีสิทธิและประโยชน์จากประเทศเหล่านี้โดยไม่ต้องทำความตกลงอะไรเพิ่มเติม
ส่วนประเทศอื่นที่เพิ่มเข้ามาไม่ว่าออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา หรือประเทศเล็กๆ ก็มียอดการค้าขายด้วยกันเพียงเล็กน้อย และมีข้อตกลงทางการค้ากันแล้วทั้งสิ้น ผลประโยชน์ที่จะได้เพิ่มเติมจากประเทศเหล่านี้แทบมองไม่เห็น
แต่ที่เห็นชัดก็คือทรัพย์สมบัติของชาติอันเป็นสมบัติที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องอาศัยใช้สอยทำมาหากินกลับจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของต่างชาติ แล้วคนไทยจะต้องไปซื้อหาพันธุ์พืช สมุนไพร และยาจากต่างชาติ แทนที่จะใช้ได้อย่างเสรีดังแต่ก่อน
ก็ดูกันต่อไปก็แล้วกัน เพราะเมื่อลงทุนกันขนาดนี้แล้วก็ไม่รู้จะทักท้วงกันอย่างไรต่อไป!

'เพื่อไทย'เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ล็อตใหม่เพิ่ม 11 คน เผย 'นนทบุรี' ครบทุกเขต
‘จุลพันธ์’ยันลูกชูวิทย์ กุ่ย ยังอยู่เพื่อไทย อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯยังไม่เคาะ
'กัน จอมพลัง'กลับมาแล้ว! เตรียมฟ้องคนดัง10ราย ชาวเน็ตก็ไม่รอด
‘โฆษกรัฐบาล’ย้ำทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ ปรามสื่อมาเลย์ให้ระวังการสื่อสารให้มากขึ้น
โชเฟอร์ปวดท้องจอดรถเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันเสร็จภารกิจ โดน6ล้อเสยท้าย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี