มูลเหตุสำคัญที่จะช่วยให้การบินไทยอยู่รอดปลอดภัยได้ในอนาคต คือการบินไทยต้องปราศจากคนไร้คุณภาพ แต่ที่มากกว่านั้นคือการบินไทยต้องเพิ่มสมรรถนะของตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า สิ่งใดก็ตามที่ทำให้การบินไทยต้องประสบความล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจ ก็จำเป็นต้องกำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไปให้หมดสิ้น อย่าปล่อยให้หลงเหลืออีกต่อไป
การบินไทยดำเนินมาถึงช่วงเวลาแห่งการเกือบจะล่มสลายล้มละลาย ก็เพราะการบินไทยมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รักการบินไทย แต่เข้ามากอบโกยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในการบินไทยทุกเมื่อเชื่อวัน เรื่องเลวร้ายเช่นนี้คนการบินไทยต้องรู้ดีว่าใครคือตัวการสำคัญที่ทำให้องค์กรต้องประสบกับความหายนะได้ถึงเพียงนี้ แต่ถ้าหากคนการบินไทยยังคงนิ่งดูดาย ทอดธุระ ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน คิดเอาตัวรอดไปวันๆ โดยไม่แก้ปัญหาให้ถูกจุดตรงประเด็น ก็หมายความว่า การบินไทยก็ต้องสูญสลายไปโดยปริยาย เพราะใครหน้าไหนก็ตามก็คงไม่สามารถทำให้การบินไทยฟื้นตัวขึ้นมาได้ ถ้าหากคนของการบินไทยไม่ช่วยกันทำนุบำรุงบ้านของตนเองด้วยการกำจัดสิ่งเลวร้ายออกไปจากบ้านให้หมด
ขอย้ำว่าคนการบินไทยรู้ดีว่าคนในการบินไทยคนไหนดีหรือเลว คนไหนมีศักยภาพในการทำงานโดยแท้จริง คนไหนทำงานด้วยปาก แต่ปราศจากฝีมือ คนไหนโกงกิน คนไทยซื่อสัตย์สุจริต แต่น่าอัศจรรย์ใจอย่างมาก เพราะถึงแม้คนการบินไทยรู้เรื่องเหล่านี้ดี แต่คนการบินไทยก็กลับนิ่งเฉย ราวกับว่าเต็มใจปล่อยให้บ้านของตนเองมอดมลายหายไปต่อหน้าต่อตา
คนการบินไทยเคยเข้าไปดู เคยเข้าไปศึกษาระเบียบ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่าด้วยการบริหารบุคคล โดยเฉพาะในตอนที่ 3 หน้า 1-29 บ้างหรือไม่ แล้วคนการบินไทยรู้ดีใช่ไหมว่าระเบียบบริษัท ที่ว่านั้นถูกใครบางคนแปลงสารจนเละเทะไปหมด แล้วนำไปสู่ความโกลาหลในการบินไทยดังปรากฏในทุกวันนี้ แล้วสุดท้ายประเด็นนี้ก็คือต้นตอของปัญหาตัวหนึ่งที่นำไปสู่ความหายนะของการบินไทยดังปรากฏชัดในปัจจุบัน (ผู้เขียนขออนุญาตไม่นำระเบียบของบริษัทการบินไทยมานำเสนอในที่นี้ เพราะเนื้อที่ไม่พอ แต่ก็ยังมั่นใจว่าคนการบินไทยต้องมีความสามารถหาระเบียนมาอ่านได้ แต่หากคนการบินไทยบอกว่าไม่สามารถหาได้ ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของบุญของกรรมแล้ว)
ขอให้คนการบินไทยเข้าไปดูในข้อที่ว่าด้วยการคัดเลือกพนักงานตำแหน่งบริหาร แล้วเปรียบเทียบระหว่างระเบียบเก่ากับระเบียบใหม่ แล้วจะพบความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ อันทำให้เห็นถึงเงื่อนงำบางประการในการคัดเลือกพนักงานระดับบริหารได้
คนการบินไทยที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ตั้งคำถามกันมานานแล้วว่า ใช้หลักเกณฑ์ใดในการแก้ระเบียบ แก้ระเบียนแล้วทำให้พนักงานทั่วไปได้ผลประโยชน์มากกว่าเดิมจริงหรือ หรือว่าแก้แล้วเท่ากับเปิดช่องให้ใครบางคนรวบอำนาจไปไว้ในกำมือ แล้วใช้อำนาจนั้นแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยที่การบินไทยไม่ได้ประโยชน์ใดๆ
ทั้งนี้คนการบินไทยจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสังเกตในเรื่องการเปลี่ยนแปลงระเบียบบางข้อมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ก็ได้แค่ตั้งข้อสังเกตเท่านั้น เพราะไม่เคยมีการยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดให้เป็นกิจลักษณะ ซึ่งเข้าตำราพูดแบบบ่น เพราะเกรงว่าหากพูดดังๆ แล้วจะเดือดร้อน เนื่องจากทำให้ผู้มีอำนาจในการบินไทยที่อยู่ในข่ายกินรวบอำนาจเกิดความระคายเคืองแล้วไม่พอใจ เมื่อไม่พอใจก็อาจจะหาทางกลั่นแกล้งผู้ที่ตั้งคำถาม ซึ่งเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในการบินไทย แต่น่าสมเพชคนการบินไทยที่รู้แต่ไม่กล้าพูด เมื่อไม่กล้าพูดให้ชัดเจน เพื่อให้ปัญหาถูกนำไปสู่การแก้ไข ก็จึงกลายเป็นว่าบ่นไปวันๆ ซึ่งการบ่นไปวันๆ ไม่ได้ทำให้ผู้มีอำนาจในการบินไทยที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมสะทกสะท้าน เพราะรู้ว่าไม่มีใครกล้าตั้งคำถามนี้กับตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ผู้มีอำนาจในการบินไทยบางรายเกิดอาการเหลิงอำนาจ คิดว่าตนเองสามารถควบคุมสั่งการและบงการได้ทุกเรื่อง
คนการบินไทยยังตั้งข้อสังเกตว่าผู้มีอำนาจรายนี้พยายามแทรกตัวเข้าไปมีอิทธิพลเหนือหน่วยงานต่างๆ ในการบินไทยอย่างมากจนเห็นได้ว่าจงใจเข้าไปมีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือเปล่า ตัวอย่างที่ชัดเจนอีกเรื่องหนึ่งคือ
6.3 การคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินให้ดำเนินการตามนี้ เมื่อเอกสารขออัตรากำลัง (Requisition for Personnel) ได้รับอนุมัติแล้วให้แต่งตั้งกรรมการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้ฝ่ายบริหารบุคลากร (IZ) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำเสนอผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (DI) เพื่อขออนุมัติในเรื่องต่อไปนี้
6.3.1 หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก
6.3.2 แต่งตั้งกรรมการ
ทั้งนี้ กรรมการตามข้อ 6.3.2 แต่ละคณะต้องประกอบด้วย ผู้แทนฝ่ายบริหารบนเครื่องบิน (DQ) 1 คน ผู้แทนสายการพาณิชย์ (DN) 1 คน และผู้แทนฝ่ายบริหารบุคลากร (IZ) 1 คนโดยความเห็นชอบของรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP)ต้นสังกัด
อันที่จริงหากพิจารณาเรื่องนี้แบบไม่ลึกซึ้งก็อาจจะเห็นว่าไม่มีอะไรผิดสังเกต แต่คนการบินไทยที่รู้ทันเกมต่างวิพากษ์ว่านี้คือการรวบอำนาจของคนบางคนไว้ในกำมือ เพราะคนๆนั้นต้องการเข้าไปมีอิทธิพลเหนือในทุกหน่วยงาน ทั้งๆ ที่การคัดเลือก เลือกสรรตามระบบมีขั้นตอนและมีกรรมวิธีที่ไว้ใจได้แล้วโปร่งใสอยู่แล้ว แต่คำถามคือ ทำไมผู้มีอำนาจบางรายในการบินไทยจะต้องเข้าไปแทรกตัวอยู่ในทุกขั้นตอนของการคัดเลือก
ผู้อำนาจในการบินไทยบางรายใช้การสั่งการโดยไม่เคยทำเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ใช้การสั่งการด้วยวาจา เพราะเขาคนนั้นรู้ดีว่าหากทำคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจะทำให้มีหลักฐานมัดตัวเพื่อนำไปสู่การเอาผิดได้ในอนาคต แต่ที่แสนประหลาดคือคนในการบินไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังอุตส่าห์ทำตามคำสั่งที่เป็นแค่เพียงลมปากของผู้มีอำนาจคนนั้น
จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า คนการบินไทยไม่รู้เลยหรือว่า การทำงานใดๆ ก็ตามต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ต้องมีผู้ลงนามในคำสั่ง แต่เหตุไฉนจึงยังคงเกิดเรื่องประหลาดในการบินไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร เนื่องจากยังคงมีคำสั่งด้วยลมปากเกิดขึ้นตลอดเวลา
ผู้มีอำนาจในการบินไทยรายหนึ่งที่ชอบใช้วิธีสั่งงานด้วยลมปากมักจะอ้างตลอดเวลาว่าตนเองสามารถเจรจากับผู้มีอำนาจที่เหนือกว่าได้ (ซึ่งการพูดเช่นนี้สามารถตีความได้ว่าตนเองมีอิทธิพลเหนือกว่าและสามารถสั่งให้ผู้มีอำนาจสูงกว่าลงนามในเอกสารที่ตนนำเสนอขึ้นไปได้) ตัวอย่างเช่นมักมีการสั่งงานกับคนในหน่วยงานว่า ให้ไปทำเอกสารมาโดยด่วน แล้ว…………… (ผู้มีอำนาจรายนั้นมักเรียกตัวเองด้วยชื่อเล่น)บอกว่าตนเองจะนำเรื่องไปขออนุมัติจากผู้มีอำนาจสูงกว่า เพราะผู้มีอำนาจสูงกว่าฟังคำพูดของตน ดังนั้นรีบไปทำเอกสารมาโดยด่วนแล้วก็เป็นที่น่าสังเกตว่าทุกครั้งที่ผู้มีอำนาจรายที่ชอบเรียกชื่อเล่นตัวเองนำเสนอเอกสารขึ้นไปให้หน่วยเหนือลงนาม ก็จะได้รับการลงนามในเอกสารลงมาทุกครั้ง จนคนในการบินไทยวิพากษ์กันว่า สรุปแล้วนี่คือทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดหรือเปล่า หรือว่านี่คือการมีอำนาจเหนือผู้บริหารตัวจริงตามคำกล่าวอ้าง
ผู้บริหารการบินไทยบางรายมีตำแหน่งระดับสูงในการบินไทยมากมายจนผิดสังเกต เพราะกินตำแหน่งในฐานะรักษาการในตำแหน่งต่างๆ มากจนผิดปกติ จนทำให้เกิดคำถามว่าตกลงแล้วผู้บริหารรายนั้นเป็น super girl หรืออย่างไร ทำไมจึงนั่งกินตำแหน่งสารพัดได้อย่างน่าประหลาด หลายคนตั้งคำถามอีกว่า หรือว่าหากการบินไทยไม่มีผู้บริหารรายนั้นอีกต่อไป การบินไทยจะต้องล่มสลายในบัดดล แต่คำถามที่น่าสนใจมากที่สุดคือ การนั่งกินตำแหน่งสำคัญๆ มากมายในการบินไทยของผู้บริหารรายหนึ่ง แสดงให้เห็นใช่หรือไม่ว่า การบินไทยไร้คนมีความรู้ความสามารถ และไร้ฝีมือในการทำหน้าที่บริหารใช่หรือไม่ จึงต้องประเคนตำแหน่งสารพัดอย่างให้กับคนเพียงคนเดียว
คำถามคือ คนเพียงคนเดียวจะมีความสามารถทำงานสำคัญๆ ของการบินไทยได้มีประสิทธิภาพสูงสุดจริงหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็น่าจะให้ตำแหน่งสูงสุดกับคนผู้นั้นไปเสียเลย แล้วให้บริหารงานแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปโดยปริยาย แล้วรอดูผลประกอบการของการบินไทยว่าจะดีกว่าเดิมหรือเลวกว่าเดิม
เรื่องทั้งหมดที่เขียนให้คุณๆ ได้คิดในวันนี้อาจทำให้คนนอกการบินไทยปวดศีรษะ เพราะไม่รู้เรื่องเลวร้ายที่ฝังซ่อนอยู่ในการบินไทย แต่บทความนี้หวังให้ผู้ที่กำลังมีอำนาจ ซึ่งมีพันธกิจต้องเข้าไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบินไทยได้โปรดเข้าไปกำจัดจุดอ่อนของการบินไทยในประเด็นโดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้ต่อไป ก็หมายความว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการบินไทยได้อย่างเด็ดขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี