ในสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เป็นจริงขณะนี้ ยังกล่าวได้ว่าน่าห่วงใยหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเก่าและเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ ทั้งภายในประเทศและจากภายนอกประเทศ นำมาซึ่งผลกระทบในทางไม่ดีให้เกิดขึ้นโดยรวมของประเทศในระยะต่อๆไปได้อีกในปีข้างหน้าที่กำลังจะมาถึง แม้ในขณะนี้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารยังมีอำนาจมากมายใหญ่โตอยู่ในมือก็ตาม ความวิตกห่วงใยของผู้คนในบ้านเมืองก็ยังไม่ลดลงแต่อย่างใด และกลับมีเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป
การบริหารจัดการของคนมีอำนาจหน้าที่จึงสำคัญมากในการแก้ไข โดยเฉพาะการแก้ไขให้ตรงจุดหรือตรงประเด็นเรื่องสำคัญๆ อันเป็นบ่อเกิดและที่มาของปัญหาดังกล่าว และการรู้จักการจัดลำดับสำคัญก่อนหลังของประเด็นหรือปัญหาที่ต้องแก้ไข
เฉพาะอย่างยิ่งการคุมสติและพิจารณาด้วยปัญญา
เพราะถ้าขาดสติและใช้แต่อารมณ์ ไม่ใช้ปัญญาที่มีหรือปัญญาที่ได้มาจากการรับฟังความเห็นที่มีประโยชน์จากคนอื่นที่แนะนำแล้ว จะไม่สามารถแยกแยะสิ่งผิดสิ่งถูกออกจากกันได้ จะทำให้เรื่องบานปลายออกไปยิ่งขึ้นได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม
จะมัวหลงอยู่กับปัญหาเฉพาะหน้าที่มาจากการยั่วยุ จากบุคคลหรือคณะบุคคลที่ต้องการให้เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นอย่างที่เขาต้องการ ซึ่งในขณะนี้กำลังทำกันมากขึ้นในหลายๆรูปแบบอย่างที่เห็น จนกลายเป็นเรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้นที่จะแก้ไขนั้น “เรือแป๊ะ” ล่มแน่ๆ
การขาดสติและใช่แต่อารมณ์นั้น ทำให้ติดยึดอยู่กับตัวเองและพวกเดียวกันเอง เป็นอาการของความเห็นแก่ตัวเป็นใหญ่ ทำการทำงานจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเองและหวาดระแวงรอบทิศเมื่อมีเรื่องมากระทบ หรือมีสถานการณ์รอบด้านรุมเร้านั้น จะทำให้เกิดอาการเพี้ยนไปทีละเล็กละน้อย แม้ตัวเองก็ไม่รู้ตัว อาการที่เกิดขึ้นอย่างนี้แหละเขาเรียกว่าเป็นคนที่มีจิตผิดปกติ ทางธรรมะเรียกว่า “วิปลาส”
“วิปลาส” คือความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
เช่น ความจำหรือความรู้คลาดเคลื่อน ผันแปรผิดพลาดไปจากความเป็นจริง นำไปสู่ความเข้าใจผิด หลงผิด หลอกตัวเอง ประพฤติปฏิบัติตนไม่ถูกต้องต่อชีวิตของตนและคนอื่น เหมือนมีเครื่องกีดขวางบังตาไว้ ความจำหรือความรู้ที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงดังกล่าวนี้ ทางธรรมะมีชื่อเรียกว่า “สัญญาวิปลาส”
ความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ความคิดคลาดเคลื่อน” คือ คิดอะไรไม่ตรงกับความเป็นจริง ใครบอกใครเตือนให้คิดถูกทำถูก ก็กลับไปคิดว่าเขามุ่งร้ายหรือเป็นปฏิปักษ์กับตน ซึ่งความคิดที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงดังกล่าวนี้ ทางธรรมะมีชื่อเรียกว่า“จิตวิปลาส”
และความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอีกเรื่องหนึ่งนั้น ทางธรรมะมีชื่อเรียกว่า“ทิฐิวิปลาส” คือความเชื่ออย่างผิดๆ ซึ่งสั่งสมมาจากความจำ หรือความรู้ ความคิด ที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงดังกล่าวรวมเข้าด้วยกัน เคยจำผิด เคยรู้มาอย่างผิดๆ อย่างไรก็ยังเชื่อไปตามนั้นไม่เปลี่ยนแปลง หรือเคยคิดคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับความจริงมาแล้วอย่างไร ก็เชื่อไปตามนั้นไม่ฟังคนอื่น
ผู้มีอำนาจทั้งหลายในขณะนี้ควรมีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ด้วย ถ้ายังมีความวิปลาสในเรื่องใดต้องรีบแก้ไข เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีกับตัวเอง เกิดขึ้นแล้วการงานในความรับผิดชอบที่ต้องทำจะเสียหายหมด รวมถึงตัวเองด้วย
อย่าเห็นประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเป็นปรปักษ์
อย่าคิดว่าอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมานั้น เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เพราะคิดว่าเมื่อได้อำนาจรัฐแล้วก็มีแต่ตนเองหรือคณะของตนเองเท่านั้นที่มีอำนาจ จะใช้อำนาจอย่างไรก็ได้ จะโยกย้ายจะแต่งตั้งใครก็ทำได้โดยไม่คำนึงถึงอะไร
และอย่าเชื่อว่าตัวเองเท่านั้นคิดถูก ทำถูก คนอื่นไม่ใช่
ถ้าบ้านเมืองมีคนอย่างนี้มาบริหารบ้านเมือง ย่อมยากจะหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนวุ่นวาย จะเกิดความขัดแย้งกันอย่างน่ากลัวในบ้านเมือง
อย่างที่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้วเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีคน “วิปลาสครบเครื่อง”ทั้ง 3 ประเภท มีอำนาจในบ้านเมืองจากการได้มาซึ่งอำนาจรัฐอย่างทุจริตแม้จะมาจากการเลือกตั้งก็ตาม แต่ก็เป็นคนที่มีอาการคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงทั้ง 3 ประเภท คือ สัญญาวิปลาส จิตวิปลาสและ ทิฐิวิปลาส คนคนนี้วิปลาสมันไปทุกเรื่องเพียงเพื่อตัวเองและพี่น้องเพื่อนฝูงจะมีความสุขความสบาย มีเงินมีทองมากมายใช้ถึงชาติหน้าก็ไม่หมด ความวิปลาสของมันต้องทำให้บ้านเมืองและประชาชนคนไทยต้องเดือดร้อน และวุ่นวายอย่างสาหัสมาจนถึงทุกวันนี้
และเจ้าคน “วิปลาสครบเครื่อง” คนนี้แหละที่ทำให้ “การปิโตรเลียม” ของบ้านเมืองเราที่ “โชติช่วงชัชวาล” มาในสมัยหนึ่ง ซึ่งเมื่อขุดขึ้นมาแล้วไม่ว่าจะขุดบนบกหรือขุดในทะเลในสมัยนั้น ผลประโยชน์อันมีมูลค่ามหาศาลที่ได้จากแผ่นดินดังกล่าว เป็นของประชาชนอย่างเป็นธรรมและถูกต้องตามกฎเกณฑ์อันเป็นที่ยอมรับได้อย่างโปร่งใส
แต่เจ้าคน “วิปลาสครบเครื่อง”ตัวนี้มันแก้ไขใหม่ เมื่อตอนที่มันได้อำนาจรัฐไปใช้ทางการเมือง มันจัดการทุกอย่างในการแก้ไขกฎหมายและกฎกติกาต่างๆ ทางด้านพลังงาน ให้เป็นไปในทิศทางที่มันและพวกต้องการ กลับกลายมาเป็นบริษัทเอกชนที่สามารถจัดการได้ทุกอย่าง ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ ทรัพยากรของแผ่นดินทางด้านพลังงานนั้นสุดแล้วแต่พวกมันคิดอ่านกัน จนถึงขณะนี้
ประชาชนคนไทยที่ตื่นรู้ และลุกขึ้นต่อสู้ในเรื่องนี้ เพื่อให้กฎกติกาและกฎหมายต่างๆที่ไม่เป็นธรรม ในการบริหารจัดการทรัพยากรของแผ่นดิน โดยเฉพาะทางด้านพลังงาน ซึ่งมีการเรียกร้องต่อผู้ที่กำลังมีอำนาจรัฐอยู่ในขณะนี้ให้ช่วยจัดการนำผลประโยชน์ของชาติด้านพลังงานกลับคืนมาเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของบ้านเมืองจริงๆ ด้วยการแก้ไขกฎหมายหรือกฎกติกาต่างๆ ที่ยังเป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่มเฉพาะพวก ยังไม่ใช่ผลประโยชน์ที่จะตกถึงมือประชาชนจริงๆ นั้น ขอให้ผู้มีอำนาจของบ้านเมืองในขณะนี้ รับฟังและดำเนินการให้เป็นไปตามที่ประชาชนเรียกร้องด้วย เพราะสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องในเรื่องนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชนและประเทศชาติบ้านเมืองทั้งสิ้น
ไม่ใช่ผลประโยชน์ของใครเฉพาะกลุ่มเฉพาะพวก
ไม่ใช่คำเรียกร้องที่ “วิปลาส”คลาดเคลื่อนความจริง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี