จับทาง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังคงแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 สภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยระบุว่า หากต้องมีการทำประชามติจะต้องเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ราคาเท่ากับการเลือกตั้งครั้งใหญ่หนหนึ่ง จะแก้เป็นรายมาตราหรือแก้ไขเป็นหมวดหมู่ก็ต้องใช้ภาษีอากรของประชาชนทั้งนั้น
ขณะเดียวกันคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก็ต้องจัดทำกฎหมายประชามติ เพราะปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายดังกล่าว จะไปรื้อกฎหมายทำประชามติฉบับเก่าก็ใช้ไม่ได้ แต่สามารถปรับปรุงของเก่าแล้วออกมาเป็นกฎหมายใหม่รองรับ
ข้อเสนอให้แก้ไขมาตรา 256 ก็คือการแก้หมวด 15ซึ่งถ้าแก้ไขแล้วนำไปสู่การตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญเมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ก็ต้องนำไปให้ประชาชนลงประชามติอีกหน ต้องใช้ภาษีของประชาชนอีก 3 พันล้าน เบ็ดเสร็จ ก็ 6 พันล้านบาท
หากให้เดาใจรัฐบาล ดูเหมือนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นรายมาตราหรือแก้ไขทั้งหมดยังไม่ใช่สาระสำคัญหรือความเร่งด่วนในขณะนี้ แต่จำต้องยอมกระแสเรียกร้องไปก่อน รอฟังข้อมูลรอบด้านโดยเฉพาะจากกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ รวมทั้งพรรคการเมือง ส่วนสมาชิกวุฒิ ส่วนใหญ่แสดงความเห็นยังไม่อยากแก้ไข เนื่องจากรัฐธรรมนูญยังไม่ได้เป็นอุปสรรคในการบริการประเทศ อีกทั้งอาจตีตกในวาระรับหลักการ เพราะมีเงื่อนไขพิเศษในการร่วมโหวตของสมาชิกวุฒิสภา
กระนั้นก็ตามรัฐบาลเองก็มีธงอยู่แล้วว่าจะปรับปรุงอะไรบ้างเพราะบริการราชการแผ่นดินมาหลายปี ย่อมพบอุปสรรคปัญหามากมาย ในอดีตก็เคยมี อาทิ การกำหนดให้หน่วยงานใดที่จะทำสัญญา ลงนามกับต่างประเทศ ต้องให้รัฐสภาอนุมัติก่อน จึงเกิดปัญหาขึ้นมา เกี่ยวกับขอบเขตของงานว่ามีสาระประเด็นมากน้อยแค่ไหน ที่จะต้องให้สภาอนุมัติการลงนาม และบางอย่างก็ช้าไปทำให้ประเทศชาติ เสียโอกาส จึงมีการผ่อนคลายในประเด็นดังกล่าว เพื่อให้แต่ละกระทรวงทำงานได้รวดเร็วคล่องตัวมากกว่าเดิมโดยที่ไม่มีใครคัดค้าน
แล้วถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้กระทบต่อชาวบ้านตาสีตาสา ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศชาติ อย่างไรบ้าง คำตอบก็ไม่น่าจะมี
ถ้าอ่านคำปรารภรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน บางช่วงบางตอนเขียนไว้ว่า “แต่การปกครองก็มิได้มีเสถียรภาพหรือราบรื่น เพราะยังคงประสบปัญหาและข้อขัดแย้งต่างๆ บางครั้งเป็นวิกฤติรัฐธรรมนูญที่หาทางออกไม่ได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่มีผู้ไม่นำพาหรือไม่นับถือย่ำเกรงกฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉลหรือบิดเบือนอำนาจ หรือขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชนจนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล”
รัฐธรรมนูญปัจจุบัน ยังใช้ไปได้แค่ 2 ปีเศษ จึงเห็นว่าควรจะให้ผ่านพ้นไปอีกในระยะเวลา 5 ปี ค่อยหาทางแก้ไขกันใหม่ เพราะระยะเวลาดังกล่าวจะสะท้อนข้อบกพร่องได้มากกว่าเดิม สมเหตุสมผลต่อสาธารณะ ไม่ใช่แก้ไขเพื่อการเมืองเป็นสำคัญโดยที่ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย และหากรัฐธรรมนูญที่จะแก้ไข ต้องถูกคว่ำในอนาคตข้างหน้าเป็นการเอางบประมาณแผ่นดินไปโยนทิ้งน้ำโดยเปล่าประโยชน์แต่ควรรอให้ตกผลึกให้ชัดเจนกว่านี้แล้วค่อยมาว่ากันใหม่จะดีกว่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี