โปรแกรมดังกล่าวประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แถลงข่าวการจัดประชุมวิชาการนานาชาติทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 46 ไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้
การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นในหัวข้อ “Power of Science to Achieve SDGs : พลังของวิทยาศาสตร์สู่เป้าหมายการพัฒนาแบบยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2563 ณ อาคารหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจะเสด็จฯ เป็นประธานเปิดการประชุมในวันที่ 5 ตุลาคม 2563 และจะประทับรับฟังปาฐกถาพิเศษจาก ศาสตราจารย์ ดร.จอห์น วอร์เนอร์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา และนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2563และเสด็จฯเยี่ยมชมนิทรรศการด้วย
รศ.ดร.วรรณา มุสิก คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงจัดการเรียนการสอนมานับถึงปีนี้ เป็นปีที่ 46 ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมวิชาการนานาชาติ STT46 คณะวิทยาศาสตร์มีศูนย์วิจัยฯ และกลุ่มวิจัยฯ ที่มีความหลากหลาย เช่น นวัตกรรมทางเคมี การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศระดับภูมิภาคและพลังงานทดแทน การเรียนรู้การเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตามแนวพระราชดำริไลเคน ความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล ฯลฯ การประชุมครั้งนี้ คณะวิทยาศาสตร์จะนำเสนอผลงานการวิจัยของอาจารย์และนักศึกษาจากสาขาวิชาต่างๆ รวมทั้ง Symposium ที่น่าสนใจ เช่น Biodiversity of Marine Benthic Fauna,Science-based Sustainable Tourism,Marine Plastic Abatement, Lichens: Diversity,Ecology and Biomonitoring, Natural Products for Drug Discovery เป็นต้น
ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการปรับตัวสู่ New Normal การจัดประชุมครั้งนี้ จึงมีมาตรการในการคัดกรองผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งภาคบรรยาย ภาคโปสเตอร์ และการชมนิทรรศการในงานปีนี้อย่างเข้มงวด เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข
ขณะที่ ศ.ดร.ศุภวรรณ ตันตยานนท์ นายกสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สมาคมฯได้ดำเนินกิจกรรมด้านการส่งเสริมวิทยาศาสตร์มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 72 ปีแล้ว กิจกรรมที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี คือ การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จึงได้ยกระดับของการประชุมจากเดิมระดับชาติเป็นระดับนานาชาติ เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาร่วมประชุมเป็นจำนวนมากได้ เรียกชื่อการประชุมว่า The 46th International Congress on Science, Technologyand Technology-based Innovation (STT46) โดยมีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุม ซึ่งได้พิจารณาเลือกหัวข้อการประชุม คือ “Power of Science to Achieve SDGs” “พลังของวิทยาศาสตร์สู่เป้าหมายการพัฒนาแบบยั่งยืน” เป็นหัวข้อที่สำคัญตรงตามวัตถุประสงค์ของสหประชาชาติ ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีขึ้นและยั่งยืน
ด้าน ศ.ดร.สมเกียรติ งามประเสริฐสิทธิ์ ประธานจัดการประชุม กล่าวว่า การประชุมในปีนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเป็นประธานเปิดงาน ในวันที่ 5 ตุลาคม 2563 ณ อาคารหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจะประทับรับฟังการบรรยายในพิธีเปิดจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ 2 ท่าน ท่านแรกเป็น Plenary Speaker : Professor Dr. John Warner “All fields of Science Addressing The UN Sustainable Development Goals” และการบรรยายจากนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นของประเทศไทย ประจำปี 2563
การจัดงาน STT 46 เป็นการจัดประชุมนานาชาติเต็มรูปแบบ โดยการบรรยายทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ มีวิทยากรรับเชิญและผู้เสนอผลงานจากในและต่างประเทศทั่วทุกภูมิภาคของโลกโดยจะแบ่งออกเป็น 5 session ย่อยทางด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและนวัตกรรม Symposiumเฉพาะทางอีก 15 รายการ สำหรับรูปแบบการนำเสนอ จะเป็นการบรรยายแบบปากเปล่าและแบบโปสเตอร์ที่บริเวณจัดงาน ผสมผสานกับการบรรยายผ่านระบบออนไลน์ด้วยระบบ zoom, Facebook live และ YouTube สำหรับผู้นำเสนอชาวต่างประเทศที่ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี