วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การเชื่อมต่อประเทศไทยเข้ากับเส้นทางสายไหมโดยเส้นทางรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ได้เริ่มขึ้นก่อนประเทศใดๆ ในอาเซียน ซึ่งช่วงนั้นประเทศไทยเพิ่งเกิดสถานการณ์รัฐประหารใหม่ๆ กำลังถูกกดดันแทรกแซงจากชาติมหาอำนาจ ถึงขั้นที่ใกล้จะแซงก์ชั่นระดับรุนแรงกับ คสช.
ในสถานการณ์อันคับขันนั้นประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้มีแถลงการณ์แสดงความเชื่อมั่นต่อการตัดสินใจของกองทัพไทย และตั้งความหวังว่าประเทศไทยจะสามารถฝ่าฟันความยากลำบากได้ด้วยดี
จากนั้นอิหร่านและอินเดียก็ได้แสดงท่าทีไปในทางเดียวกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนระดับรองนายกรัฐมนตรีระหว่างไทยกับอินเดียและระหว่างไทยกับอิหร่านตามมา
หลังจากนั้นความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างไทยกับรัสเซีย จีน อินเดีย และอิหร่าน ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและหนึ่งในโครงการความร่วมมือนั้นก็คือการเชื่อมต่อประเทศไทยเข้ากับเส้นทางสายไหมโดยรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับเส้นทางคุนหมิง-เวียงจันทน์ มายังจังหวัดหนองคาย
และจากจังหวัดหนองคายก็จะเชื่อมต่อมายังโคราช จากโคราชมายังกรุงเทพฯ และระหว่างทางคือที่จังหวัดสระบุรีก็จะเชื่อมต่อไปยังแหลมฉบัง มาบตาพุด ซึ่งแน่นอนว่าโครงการระยะถัดไปก็คือการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ผ่านภาคใต้ของประเทศไทยด้วย
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางไปประเทศจีนและได้เจรจากับคณะผู้นำจีนที่เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถ่ ในวันที่ 29
ตุลาคม 2557 โดยตกลงกันที่จะร่วมกันสร้างทางรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้ขอให้จีนช่วยรับซื้อข้าวเน่าซึ่งล้นคลังทั้งประเทศจำนวน 1 ล้านตัน
ข้าวใหม่ 1 ล้านตัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย พร้อมด้วยยางพาราอีก 200,000 ตัน
สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสอง และต่อมาได้มีการลงนามในข้อตกลงกันที่กรุงเทพฯ โดยนายกรัฐมนตรีไทยและจีนเป็นสักขีพยานให้แก่การลงนามความร่วมมือดังกล่าวระหว่างส่วนราชการของทั้งสองประเทศ
หลังจากนั้น พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการรถไฟความเร็วสูงและคณะผู้แทนฝ่ายไทยได้ประชุมทำความตกลงกับคณะผู้แทนฝ่ายจีนในส่วนที่เกี่ยวกับรถไฟ กำหนดแบบรางให้เป็นแบบมาตรฐาน กำหนดความเร็วที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำหนดประเภทการใช้งานให้ใช้งานขนส่งได้ทั้งคนและสินค้า
ได้มีการจัดทำแผนการก่อสร้างตามข้อตกลงที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบทั้งสามเส้นทาง คือ หนองคาย-โคราช, โคราช-กรุงเทพฯ และสระบุรี-
แหลมฉบัง-มาบตาพุด โดยกำหนดแผนงานการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565
ความตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นและสำเร็จก่อนประเทศอาเซียนใดๆ แต่แล้วก็เกิดการพลิกผันขึ้น ประเทศที่เคยแสดงท่าทีกดดันข่มเหงจะแซงก์ชั่นประเทศไทยได้พลิกท่าทีใหม่ หันมาเอาอกเอาใจ จากนั้นความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีคมนาคม โดยรัฐมนตรีใหม่และรองนายกรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบซึ่งเปลี่ยนใหม่ได้เปลี่ยนนโยบายจากข้อตกลงเดิมที่ว่าจ้างจีนดำเนินการให้เป็นการร่วมลงทุน ซึ่งต้องมีการเจรจาเรื่องการลงทุนกันใหม่ จากนั้นก็มีข่าวคราวการโจมตีโครงการนี้อย่างขนานใหญ่
หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงใหม่อีก จากแนวความคิดที่จะร่วมกันลงทุนกลับมาเป็นการว่าจ้าง โดยรัฐบาลไทยเป็นผู้ว่าจ้าง
จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงโครงการอีกครั้งหนึ่ง คือแทนที่จะสร้างทางรถไฟต่อเนื่องกันก็ตกลงที่จะก่อสร้างเพียงเส้นทางเดียวก่อน คือกรุงเทพฯ-โคราช ระยะทาง 200 กว่ากิโลเมตร ซึ่งมีฐานะเป็นเพียงเส้นทางรถไฟภายในประเทศ
ถ้าจะเบี้ยวกันอย่างนี้และเบี้ยวกันให้ถูกต้องก็ขอสร้างเพียงสถานีเดียวก่อนก็ยังดีกว่า คือจากสถานีจังหวัดหนองคายข้ามแม่น้ำโขงระยะทาง 16 กิโลเมตร ไปยังนครเวียงจันทน์ก็จะเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมของโลกได้ และจะรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาประเทศไทยได้ที่จังหวัดหนองคาย
แต่กลับไม่ทำเช่นนั้น และทำข้อตกลงที่จะสร้างเส้นทางภายในประเทศก่อน คือจากกรุงเทพฯ ไปยังโคราช
จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงโครงการใหม่อีกครั้งหนึ่ง จากเส้นทางสายเดียวกรุงเทพฯ-โคราช ก็ตกลงกันที่จะแบ่งการก่อสร้างออกเป็นสี่ช่วง คือจากบ้านกลางดงมายังบ้านปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร, จากบ้านปางอโศกเข้ามายังทางกรุงเทพฯ ระยะทาง 10 กิโลเมตรเศษ และจากปลายทางดังกล่าวเข้ามาทางกรุงเทพฯ ราว100 กิโลเมตร และจากบ้านกลางดงไปยังโคราชอีกราว 100 กิโลเมตร เมื่อแบ่งเป็นสี่ช่วงดังกล่าวแล้วก็ตกลงกับจีนขอเริ่มช่วงแรกก่อน แต่มอบให้กรมทางหลวงซึ่งไม่เคยทำทางรถไฟเป็นผู้จัดทำ
ในขณะที่จีนได้รับซื้อข้าวเน่า ข้าวดี และยางพาราเรียบร้อยไปแล้ว และบัดนี้เวลาผ่านไปสองปีครึ่งนับแต่เริ่มการก่อสร้างช่วงแรก เส้นทางมหัศจรรย์ของโลกคือทางรถไฟระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ที่เริ่มต้นสร้างจากกลางดงกลางป่าก็จะแล้วเสร็จลงในปลายเดือนกันยายนนี้ ใช้เวลาก่อสร้างรวม 2 ปี 6 เดือน ก็นึกดูกันเองก็แล้วกันว่าอีกสามช่วงที่เหลือระยะทาง 200 กว่ากิโลเมตร จะใช้เวลาสักกี่ปี
และเส้นทางจากสระบุรีไปแหลมฉบัง มาบตาพุด รวมทั้งจากโคราชไปยังหนองคาย จะต้องใช้เวลาอีกกี่สิบปีในขณะที่รถไฟจีน-ลาว ซึ่งตกลงกันหลังประเทศไทยนับปีระยะทางเกือบ 300 กิโลเมตร ผ่านหุบเขา ภูเขา เหวลึก จะแล้วเสร็จในปลายปี 2564 นี้
ปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องปกติ จึงต้องตั้งคำถามกันว่าใครขัดขวางโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน?

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี