วันนี้ต้องนำเรื่องนี้มาบอกกล่าวให้คนทั้งหลายได้รับทราบกัน เพราะเป็นเรื่องที่จะเกิดประโยชน์มากมายหลายสถาน และจะช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ที่กำลังประสบโรคภัยที่กำลังคุกคามมวลมนุษย์อย่างกว้างขวางในปัจจุบัน
นั่นคือโรคซึมเศร้าที่เป็นเหตุให้ผู้คนฆ่าตัวตายโดยไม่รู้เหตุไม่รู้ผล สร้างความสูญเสียและความเศร้าโศกให้กับสังคมไทยและหลายครอบครัวมากมายจนนับไม่ถ้วนแล้ว
เรื่องราวที่จะบอกกล่าวในวันนี้เป็นประสบการณ์จริงของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นชาวคริสต์และกำลังสับสนในเรื่องการนับถือศาสนา เป็นผู้มีการศึกษาสูง ชีวิตคลุกคลีอยู่กับต่างประเทศและธุรกิจที่เจริญก้าวหน้า แต่ในที่สุดก็เป็นโรคซึมเศร้าและคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งอันตรายนี้กำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตเพื่อนมนุษย์จนน่าสยดสยองยิ่ง และเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ตั้งอยู่ในความประมาทไม่ได้ เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่รู้จักห่วงใยหรือคนในครอบครัวกำลังถูกอันตรายนี้คุกคามอยู่หรือไม่
ท่านผู้นี้ในยามคับขันที่จะฆ่าตัวตายก็ได้ประสบเหตุอัศจรรย์ขึ้น มีเสียงสองเสียงก้องขึ้นในหู เสียงหนึ่งสั่งให้กระโดดตึกตาย อีกเสียงหนึ่งซึ่งชโลมใจนักกลับสั่งว่าอย่าเพิ่ง ให้เขาสั่งอีกครั้งหนึ่ง จึงชะลอไว้ และมีเสียงสั่งกันไปสั่งกันมาหลายครั้ง จนกระทั่งได้สติยั้งคิดว่าเสียงเหล่านั้นเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป
และในที่สุดก็มีเสียงหนึ่งให้ได้ยินว่าสมเด็จโตๆๆๆ ซึ่งไม่รู้จักว่าเป็นใคร ครั้นไปค้นจาก กูเกิลจึงทราบว่าคือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ก็อยากจะได้พระสมเด็จมาเป็นเครื่องกำกับใจ เพราะเข้าใจว่าเสียงที่สั่งให้ชะลอการกระโดดตึกนั้นเป็นเสียงของเจ้าประคุณสมเด็จ
จึงติดต่อขอเช่าพระจากเซียนพระ หะแรกนั้นเซียนพระคงคิดจะขายพระในราคาสูงแต่พูดจากันไปมาก็เกิดมีเมตตาขึ้น จะด้วยเหตุดลใจประการใดก็ยากจะทราบ เซียนพระจึงไม่คิดที่จะหากำรี้เอากำไรจากผู้ที่อยู่ในอันตรายเช่นนี้ จึงมอบพระสมเด็จให้ไปองค์หนึ่งซึ่งรู้อยู่กับใจว่าเป็นพระปลอม เพราะเซียนพระเองก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน คงหวังแต่ว่าให้พระสมเด็จแก่ชาวคริสต์สักคนหนึ่งก็อาจจะเป็นบุญกุศลสำหรับตัวบ้าง
หลังจากนั้นวันหนึ่งนั่งดูพระก็ได้ยินเสมือนเสียงบอกว่าชินบัญชรๆๆๆ ก็ไปค้นกูเกิลอีกและตั้งหน้าท่องพระคาถาชินบัญชร จึงน้อมนำจิตใจให้ใกล้ชิดกับการตั้งสมาธิมากขี้นและฝึกนั่งสมาธิ
วันหนึ่งก็ได้ยินเสียงว่าเรืองวิทยาคมซึ่งไม่เคยรู้จักเหมือนกัน จึงค้นกูเกิ้ลอีกก็ได้พบว่าเป็นผู้เขียนหนังสือวิมุตตะมิติ มหัศจรรย์แห่งโลกภายใน ซึ่งเป็นแบบแผนการปฏิบัติกรรมฐาน 36 แบบ และสืบหาว่าผู้เขียนเป็นใคร จึงบากบั่นไปขอพบแล้วฝากตัวเป็นศิษย์
และก็ได้พบกัน ในวันที่พบกันนั้นมีนายทหารใหญ่คนหนึ่งเป็นคนตั้งมั่นอยู่ในพระธรรม คือพลเอก อุทัย ชินวัตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเซียนพระสายตาคมคนหนึ่งในวงการพระเครื่อง เจ้าหนุ่มจึงเอาพระสมเด็จที่เซียนพระให้มาให้ท่านดูเพราะขณะนั้นก็รู้แล้วว่าพระเครื่องนั้นเป็นพระปลอม แต่ใจก็ยังมีความศรัทธาว่าเป็นพระสมเด็จและอาจเกี่ยวข้องกับเจ้าประคุณสมเด็จด้วย
จึงได้นำพระสมเด็จองค์นี้กับพระเครื่องที่แขวนคออยู่อีกราว 50 องค์ ให้พลเอก อุทัย ชินวัตร ช่วยดูให้ ปรากฏว่าพระสมเด็จที่ว่าปลอมนั้นกลายเป็นสมเด็จแท้คือเป็นสมเด็จวังหน้ารุ่นสองแผ่นดิน ที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ วังหน้าในรัชกาลที่ 5 ทรงเป็นประธานสร้าง และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นประธานในพิธีมหาพุทธาภิเษก
และปรากฏว่าพระหลายองค์ที่เจ้าหนุ่มนี้แขวนอยู่ในคอซึ่งผู้ให้ทั้งหลายก็ให้ด้วยใจเมตตา แต่เข้าใจว่าเป็นพระปลอมเกือบทั้งหมดนั้นปรากฏว่ามีอีก 4 องค์เป็นพระแท้และล้ำค่ามาก นั่นคือพระนางพญา พระผงสุพรรณ พระซุ้มกอ และพระรอด จึงกลายเป็นพระเบญจภาคีตามที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เคยกำหนดไว้ตั้งแต่ครั้งกระโน้น
อย่าเข้าใจว่าคำว่าพระเบญจภาคีนั้นเป็นเรื่องใหม่หรือจัดลำดับกันใหม่ในยุคปัจจุบันนี้ เพราะเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว อย่างน้อยก็ในยุคเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งท่านก็สร้างพระเบญจภาคีในหลายรูปแบบมาก่อน
ระหว่างการสนทนาก็ทราบว่าเจ้าหนุ่มนี้มีความสับสนอยู่หลายเรื่อง คือในเรื่องการนับถือศาสนาซึ่งตัวเองเป็นชาวคริสต์ แต่การประพฤติปฏิบัติระยะหลังกลับเดินหนทางไปสู่ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาถึงขั้นปฏิบัติสมถกรรมฐาน ในขณะที่ทางบ้านก็พยายามรั้งให้นับถือศาสนาเดิมต่อไป
เจ้าหนุ่มนี้เป็นยอดคน ๆ หนึ่งในวงการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เมื่อตัวเองหายขาดจากโรคซึมเศร้าก็มีความคิดอยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ป่วยเป็นโรคเดียวกัน จึงเขียนเพจในลักษณะว่าใครเป็นโรคซึมเศร้าแล้วจะฆ่าตัวตายให้ติดต่อมาคุยกันก่อน
ปรากฏว่ามีคนติดต่อมาคุยมากมาย บางรายก็แทบไม่น่าเชื่อเป็นลูกมหาเศรษฐีมีเงิน มีความโด่งดังในสังคม บ้างก็เป็นผู้มีชื่อเสียง ไม่ได้อดอยากยากเข็ญอันใด ชีวิตอยู่ในความอุดมสมบูรณ์แต่กลับเป็นโรคซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตายอยู่เป็นประจำ ได้รับความทรมานเป็นอันมาก
เจ้าหนุ่มนี้ได้รับโทรศัพท์ปรึกษาหารือจากเพื่อนมนุษย์ผู้ประสบโรคร้ายที่กำลังใกล้เดินทางไปสู่แดนมัจจุราชหลายราย และได้แนะนำวิธีการในการหยุดยั้งความคิดเช่นว่านั้น จนหลายรายก็หายเป็นปกติ
นานวันเข้าก็มีความเชื่อมั่นว่าโรคซึมเศร้าที่ถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายแล้วนั้นสามารถบำบัดให้หายได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาซึ่งจะเป็นอันตรายเรื้อรังไปในภายภาคหน้าไม่มีที่สิ้นสุด จึงคิดที่จะตั้งสโมสรขึ้นสักสโมรสรหนึ่งให้เป็นที่พึ่งที่บำบัดของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
ใครมีเงินก็ช่วยออกเงิน ใครไม่มีเงินก็มาพักบำบัดรักษาฟรี หลังจากหารือกันแล้วก็มีความเห็นพ้องกันว่าสมควรจะหาที่ทางสักแห่งหนึ่ง เอาพื้นที่ที่ผู้คนยากจนข้นแค้นมากที่สุดเพื่อให้คนเหล่านี้ได้ใช้ชีวิตในระหว่างบำบัดก็จะเป็นทางให้หายได้เร็วขึ้น และมีพื้นที่ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณค่าของชีวิต และยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
คิดอ่านกันแล้วก็ชักชวนกันไปดูที่ทางในต่างจังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนยากจนที่สุดของประเทศแห่งหนึ่ง ถึงขนาดครั้งหนึ่งทั้งหมู่บ้านอดอยากไม่มีอาหารการกิน ต้องปลอมตัวบวชกันทั้งหมู่บ้าน ผู้ชายก็เป็นพระปลอม ผู้หญิงก็ปลอมเป็นแม่ชี ออกมาหากินกันในกรุงเทพฯ จนถูกจับกุมทั้งหมด
ตอนแรกที่ถูกจับก็ถูกก่นด่าสาปแช่งจากคนทั้งหลายว่าปลอมเป็นชีเป็นพระอาศัยผ้าเหลืองหากิน ทำลายพระศาสนา ครั้นความจริงปรากฏถึงความยากจนทุกข์เข็ญขนาดนี้ คนทั้งหลายก็พร้อมใจกันช่วยเหลือและมีการระงับคดี จึงได้กลับไปเป็นคนยากจนทุกข์เข็ญต่อไป
จึงสรุปเป็นว่าจะคิดอ่านทำการตั้งสโมสรเพื่อบำบัดรักษาผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าสักสโมสรหนึ่งในพื้นที่ที่ยากจนข้นแค้นที่สุดของประเทศ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าไปบำบัดรักษาโดยไม่เลือกฐานะ ศาสนา และอาชีพ และไม่เลือกว่าเป็นพวกไหนสีใด ขอเพียงเป็นมนุษย์ที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคภัยร้ายนี้ก็สามารถเข้ารับการบำบัดรักษาได้
ใครมีเงินก็ช่วยออกเงินซึ่งไม่มากนัก เพราะสโมสรแห่งนี้ต้องไม่หวังกำไร ใครไม่มีเงินก็บำบัดรักษาฟรี โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่ยากจนทุกข์เข็ญในพื้นที่มาช่วยทำข้าวปลาอาหาร ช่วยแนะนำในการทำไร่ทำนาปลูกผัก และเป็นเพื่อนในการไปมาในพื้นที่หรืออาจจะเรียกว่าเป็นผู้ช่วยหรือผู้อนุบาลก็ได้
ถ้าคนเหล่านี้ฟื้นคืนเป็นคนปกติได้ ประเทศชาติก็จะได้ทรัพยากรบุคคลคืนจากโรคภัยร้ายนี้ให้กลับมาเป็นกำลังสำคัญของชาติได้
จึงบอกกล่าวไว้เป็นเบื้องต้นก่อน ถ้าเป็นรูปเป็นร่างคืบหน้ามากกว่านี้ก็จะได้รายงานให้ทราบต่อไป.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี