ความพยายามของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาที่เชิญตัวแทนทุกฝ่ายทั้งวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน วิปวุฒิสภามาหารือเพื่อจะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อระดมสมองระดมความคิดของผู้แทนปวงชนชาวไทย แก้ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนที่สถาปนาตนเองเป็นกลุ่ม คณะราษฎร 2563 และความตั้งใจดีที่แน่วแน่ของทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะใช้เวทีรัฐสภาเสนอแนะทางออกที่จักสามารถคลี่คลายหรือบรรเทาปัญหาข้อเรียกร้องให้ลดลงเพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของมวลชน 2 กลุ่ม ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันจนอาจจะกลายเป็นม็อบชนม็อบ เป็นสงครามกลางเมืองบานปลายในที่สุด
ความพยายามของประธานรัฐสภาบวกความตั้งใจดีของทหารแก่ทำให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯตราพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2563 ซึ่งรัฐบาลก็ใช้โอกาสนี้เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อหาข้อเสนอแนะและทางออกของวิกฤติประเทศจากสถานการณ์บ้านเมืองใน 3 ประเด็น โดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 165 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่าตลอดเวลาของการประชุมสมัยวิสามัญนั้นนักการเมืองซีกฝ่ายค้าน กลับโจมตีการปฏิบัติหน้าที่ของทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่าการชี้แนะตั้งแต่ต้นจนจบ พยายามตอกย้ำว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของพลเอกประยุทธ์ ที่มิใช่มีผลทำให้เกิดม็อบบนถนนเท่านั้น แต่ทำให้สถาบันเบื้องสูงกลายเป็นเป้าในการถูกพาดพิง จาบจ้วงล่วงละเมิดด่าทอพระมหากษัตริย์จนถึงขั้นเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทั้งหมดนี้พลเอกประยุทธ์ขาดความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ สมควรยุติปัญหาด้วยการลาออกตามข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุม ให้พรรคร่วมรัฐบาลเลิกให้การสนับสนุน ให้มีการคัดสรรนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 วาระรวด
ที่น่าสนใจกว่านั้น การหารือครั้งนี้สมาชิกรัฐสภาส่วนหนึ่งพยายามตอกย้ำว่ามวลชนคนเสื้อเหลืองที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านปกป้องเรียกร้องให้กลุ่มปลดแอกต่างๆหยุดจาบจ้วงล่วงละเมิดกลับกลายเป็นมวลชนจัดตั้งที่มีลักษณะคล้ายการจัดตั้งลูกเสือชาวบ้านและกลุ่มนวพลเมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 และกลับไปชื่นชมม็อบนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนปลดแอกทั้งหลาย ว่าคือพลังบริสุทธิ์คืออนาคตของชาติ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้อปรึกษาและข้อเสนอแนะแก้วิกฤติประเทศจึงอยู่ที่ขั้นตอนการลาออกของนายกรัฐมนตรีและให้มีการคัดสรรนายกรัฐมนตรีคนใหม่
เดชะบุญที่ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มั่นคงและเข้มแข็งพอที่จะแบกรับความกดดันการประชุมรัฐสภาครั้งนี้และไม่ยินยอมที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมตอบรับนำข้อเสนอของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอให้รัฐบาลสร้างกลไกด้วยการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้นมาดำเนินการเจรจาหาข้อยุติกับคู่กรณี คล้ายการแต่งตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปรองดองแห่งชาติ ที่น่าจะเป็นทางออกของวิกฤติประเทศในครั้งนี้ อย่างน้อยหากคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเป็นกลไกขับเคลื่อนการแก้วิกฤติประเทศจักได้มีการนำรายงานสรุปที่นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่สรุปประเด็นการศึกษาไว้เมื่อครั้งเป็นประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองสรุปประเด็นสำคัญการศึกษาไว้ 6 ประเด็น มาศึกษาประยุกต์ใช้ก็น่าจะเป็นประโยชน์และมีความรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น
ประชุมรัฐสภาครั้งนี้เราได้บทพิสูจน์วุฒิภาวะ กาลเทศะและสามัญสำนึกของนักการเมืองในระบบรัฐสภาอย่างชัดเจนโดยเฉพาะจากกรณีนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่เลือกใช้วิธีกรีดแขนหลั่งเลือดพร้อมวาทกรรมทรราชหรือวีรบุรุษกดดันให้ทหารแก่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วุฒิภาวะเท่านี้หรือที่ประชาชนจะฝากอนาคตฝากผีีฝากไข้ในฐานะสส.และสมาชิกรัฐสภา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี