ได้ยินเสียงป่าวประกาศ “ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ ต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”จากแกนนำผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร 2563” บ้างก็เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา บ้างก็ทนายความ บ้างก็นักการเมืองที่กระสันอยากเข้าสู่อำนาจทางการเมืองเข้าสู่เก้าอี้ฝ่ายบริหารแต่บุญวาสนาไม่ถึงต้องโหยหวนอยู่รอบนอก บ้างก็เป็นนักวิชาการอีแอบที่เสมือนปรสิตเกาะในร่มผ้าชายกระโปรงบ้าง ขากางเกงบ้าง เล็งผลประโยชน์หลังเสร็จภารกิจ โดยนักการเมืองที่ตนสนับสนุนสามารถเข้าสู่อำนาจทางการเมืองอย่างที่วางแผนกันไว้
“ประชาชนเจ้าของประเทศ” นั้นเป็นวาทกรรมที่เราเชื่อว่าทุกคนได้ยินกันมาตลอด ได้ส่งเสียงเจื้อยแจ้วท่องจนขึ้นใจ แต่ในชีวิตจริง เราทั้งหลายจะพบความเป็นจริงว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศด้วยการดิ้นรนประกอบวิชาชีพ ทำมาหากินหลากหลายบริบท และเสียภาษีให้นักการเมืองสัมภเวสี เปรต อีแร้งอีกาข้าราชการรุมทึ้งนำไปก่อประโยชน์แก่ประเทศชาติบ้าง แก่ตนเอง ครอบครัวและพวกพ้องบ้าง
ขณะที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ก็แค่เบี้ยตัวใหญ่ให้นักการเมืองชังชาติก็ดี...ขายชาติก็ดีใช้เป็นเหยื่อล่อบ้างใช้หาผลประโยชน์สร้างอำนาจให้แก่ตนเองบ้าง ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย แม้ประชาชนจักส่องกระจกจะตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตนเองก็ตามที ทว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยรู้เห็นเข้าใจบทบาทนึ้ แต่ก็ยังยอมเป็นเบี้ย เป็นเดรัจฉานให้นักการเมืองกระสันอำนาจเหล่านี้ใส่แอก สนตะพาย เพียงเพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ มีความหมายในสังคมเป็นจิตวิทยาคลายปมด้อยของตนเองที่ได้เป็นสามารถเป็นแกนนำฝูงชน ทำให้พวกเขาเป็น somebody ไม่ใช่ nobody ในสังคมที่กว้างใหญ่อึกทึกเยี่ยงนี้ ตื่นเต้นไปกับขบวนแห่ที่ถูกจริตของตนเอง
คนเหล่านี้กระทำเพียงเพื่อระงับดับปมด้อย รักษาจิตใต้สำนึกที่มีบาดแผล เกิดมาในชาติตระกูลที่ยากจนชีวิตเวียนวนอยู่กับขยะ ถูกเพื่อนร่วมชั้นล้อเลียน จึงไม่ใส่ใจต่อการเป็นคนชังชาติขายชาติ เนรคุณต่อพระบรมโพธิสมภารที่เคยเข้ามาพักอาศัยสร้างรากฐานชีวิตจนครอบครัวร่ำรวย ไม่แยแสต่อเสียงประณาม “หนักแผ่นดิน” ไม่สนใจว่าขบวนแห่ที่ถูกจริตนี้จะก่อให้เกิดปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยที่สงบสุขรักสามัคคี เกิดความอ่อนแอแล้วที่สุดก็เป็นขี้ข้า เป็นข้าทาสนักการเมืองสัมภเวสีเหล่านี้เหมือนเมื่อ 20 กว่าปีก่อน วันที่ฮ่องกงล่มสลาย ประสบกับหายนะ โจซัว หว่อง กับพวกพ่ายแพ้ หมดอนาคตหนีกันกระจัดกระจาย บ้างก็ขอลี้ภัย..แต่ที่สุดชะตากรรมที่แท้จริงก็คือ สิ้นอิสรภาพ ติดคุกตะราง นั่นเพราะคนฮ่องกงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย..ทุกที่ในโลกนี้ จะทำอะไรก็ตาม ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย ทุกอย่างก็จบสิ้นจบทุกราย
หลักการคิดง่ายๆ “เสียงส่วนใหญ่คือเสียงที่ใหญ่ กว่าเสียงส่วนน้อย” คิดเป็นไหม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี