คนไทยผู้มีปัญญาจำกัดบางกลุ่ม (รวมถึงฝรั่งไร้ความคิดสิ้นปัญญาบางราย) เข้าใจเอาเองด้วยความเขลา แล้ววิพากษ์วิจารณ์กันเละเทะเลอะเทอะว่า พระมหากษัตริย์ไทยไม่ต้องทรงทำงานใดๆ แต่กลับทรงมีพระราชทรัพย์มากมายล้นแผ่นดิน
คนที่วิจารณ์ (ด่าทอ) ด้วยความเขลาเช่นนั้น จงใจทำเรื่องไม่บังควรเช่นนี้ ก็เพราะว่าพวกเขามีจิตใจที่เต็มล้นไปด้วยความริษยา นอกจากความริษยาแล้วยังมีใจที่มืดบอด จึงคิดโดยปราศจากสติ ไร้ปัญญา แล้วเร่งสรุปเอาเองว่า พระมหากษัตริย์ไทยไม่ต้องทรงทำงาน แต่ทรงมีเงินทองและพระราชทรัพย์อื่นๆมากมาย
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีพระราชภารกิจมากมายจนเกินจะบรรยาย โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจเพื่อความผาสุก ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคง มั่งคั่งของพระราชอาณาจักร และเหล่าพสกนิกรของพระองค์ ซึ่งพระราชกรณียกิจมากมายเกินพรรณนานั้นมีให้คนทั้งโลกประจักษ์มายาวนานนับตั้งแต่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีของกรุงเทพมหานคร
สำหรับคนที่มีสติปัญญาต่างรู้ดีว่า นอกจากพระมหากษัตริย์ ไทยจะทรงมีพระราชภารกิจสำคัญเพื่อแผ่นดินและเพื่อพสกนิกรแล้ว พระมหากษัตริย์ไทยยังทรงมีพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซึ่งเป็นพระราชมรดกของพระองค์ ซึ่งอยู่ในพระคลังข้างที่
วิญญูชนตระหนักดีว่าพระมหากษัตริย์ก็ทรงเป็นบุคคลเฉกเช่นกับคนทั่วไป แต่ที่ทรงเหนือกว่าและพิเศษกว่าคือทรงมีพระราชภารกิจ และพระราชกรณียกิจมากล้นเพื่อประเทศไทยและเพื่อคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยน้อยคนเหลือเกินจะรับภาระอันหนักอึ้งได้เช่นพระมหากษัตริย์ไทย แต่เมื่อพูดถึงความร่ำรวยมีฐานะของคนทั่วไปแล้ว ในเมื่อคนไทยมีทรัพย์สินมีเงินทองได้ แล้วเหตุไฉนพระมหากษัตริย์จึงจะทรงมีพระราชทรัพย์ไม่ได้มีกฎหมายหรือข้อบังคับใดหรือที่ระบุห้ามพระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชทรัพย์ไว้กระนั้นหรือ
อันที่จริงหากเข้าไปศึกษาระบบระเบียบของสำนักทรัพย์สิน พระมหากษัตริย์แล้ว จะพบว่ามีกฎหมาย และมีขั้นตอนที่เคร่งครัดเป็นกรอบปฏิบัติอยู่ ซึ่งมิได้เป็นไปดังคำมดเท็จลวงโลกจากปากและจากข้อความของกลุ่มคนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จงใจโกหกว่าพระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชทรัพย์จากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ตามพระราชประสงค์โดยไม่มีกฎระเบียบใดๆ
ความจริงเรื่องพระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์นั้น เป็นความจริงเชิงประจักษ์ที่วิญญูชนประจักษ์ แจ้งมาโดยตลอด เพราะสามารถรู้และเห็นได้ชัดว่าทรงได้พระราชทรัพย์มาอย่างไร และทรงมีรายได้จากแหล่งใดบ้าง ซึ่งผิดกับการมีฐานะร่ำรวยโดยผิดปกติของเหล่านักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะนักการเมืองจำพวกนักธุรกิจการเมืองที่เข้าไปมีอำนาจการเมืองเพียงไม่กี่เดือน แต่กลับมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แล้วก็ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินเหล่านั้นได้
แต่ที่มากกว่านั้นคือวิญญูชนประจักษ์ได้ชัดเจนว่าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ใช้จ่ายเงินทองไปในกิจการใดจำนวนเท่าใด และเมื่อใด ซึ่งต่างกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มที่ตั้งใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจนถึงปัจจุบันนี้วิญญูชนยังไม่สามารถรู้ได้ชัดว่าแกนนำการชุมนุมประท้วงที่จงใจก่อเหตุป่วนบ้านป่วนเมืองเป็นประจำได้รับเงินทองจากใครมาเคลื่อนไหวก่อการ หรือว่าแกนนำผู้ก่อเหตุจะกล้ายืนยันกับสังคมว่าตนเองเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการก่อการทุกครั้ง วิญญูชนทราบชัดเจนว่าแกนนำผู้ก่อการจำนวนมากนั้น อ้างกับสังคมมาตลอดว่าทางบ้านมีเศรษฐสถานะยากจน แต่ก็อดสังเวชใจไม่ได้ ที่ในเมื่อตนเองยอมรับว่ายากจนแล้วแทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต แต่กลับรับบทบาทเป็นแกนนำก่อเหตุ หรือว่าการรับบทบาทเช่นนี้ทำให้ผู้เป็นแกนนำการก่อเหตุมีรายได้จุนเจือตัวเองมากขึ้นในชีวิตประจำวัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี