ความวิตกกังวลในหมู่คนไทยที่สนใจประเด็นเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยมองตรงกันว่า ปีหน้า (2564)จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งหลายคนใช้คำว่าเผาจริง ถามต่อไปว่าหากเกิดเผาจริง (ทางเศรษฐกิจ) ขึ้นมา คนไทยจำนวนไม่น้อยที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่สู้จะดีนักจะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร จะยังมีงานทำต่อไปหรือไม่ จะต้องขายทรัพย์สินที่ยังคงเหลืออยู่เพื่อเลี้ยงตัวเองหรือไม่ ส่วนผู้ประกอบการค้าขายก็จะต้องพยายามเอาตัวรอดให้จงได้ ด้วยการลดราคาขายสินค้าอย่างสุดๆ เพื่อให้ได้เงินไปหมุนต่อลมหายใจธุรกิจ ส่วนกลุ่มคนที่ยังคงจงใจก่อความวุ่นวายให้บ้านเมืองด้วยการประท้วงด้วยความสนุกสนานไปวันๆ ประท้วงด้วยการขี่เป็ดยาง ประท้วงด้วยการเดินกรีดกรายบนถนน ประท้วงด้วยการเล่นดนตรี ร้องรำทำเพลงบนถนน ก็ยังคงจะก่อความวุ่นวายต่อไป โดยไม่นำพาว่าเศรษฐกิจของประเทศจะพินาศบรรลัยสักเพียงไหน
เราทุกคนที่สนใจเรื่องราวของเศรษฐกิจมองคล้ายๆ กันว่า ในปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะยังซบเซาต่อไป เป็นผลเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงหดตัว เพราะพิษของเชื้อโควิด-19ผู้ที่ศึกษาด้านเศรษฐกิจโลกย่อมรู้ดีโดยทั่วกันว่าเศรษฐกิจโลกหดตัวอย่างหนัก เรียกว่าหนักหนาสาหัสมากที่สุดหลังจากโลกของเราได้เคยเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำอย่างร้ายแรงที่สุด (The Great Depression) เมื่อ 80 ปีก่อน เมื่อเศรษฐกิจโลกซบเซา ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เศรษฐกิจไทยต้องซบเซาตามไปด้วย เพราะเศรษฐกิจไทยยุคใหม่ต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจโลกเสมอมา ดังนั้นเราจึงพบว่าการส่งออกของไทยติดลบอย่างหนักถึงร้อยละ 8 เรียกได้ว่า ตกต่ำย่ำแย่มากที่สุดหลังจากไทยประสบวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540
หลายคนเชื่อตรงกันว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ หากมนุษย์สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้สำเร็จแล้วสามารถใช้ได้ผลดีเลิศ แต่ระหว่างที่มนุษย์ทั้งโลกกำลังเฝ้ารอวัคซีนตัวนี้ ก็คงจะทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่ที่เคยเดินทางขวักไขว่ไปมาบนโลกใบนี้ด้วยเครื่องบินและด้วยเรือสำราญข้ามประเทศ จำเป็นจะต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านหรือในประเทศของตนต่อไป เนื่องจากไม่มั่นใจว่าเมื่อเดินทางไปไหนต่อไหนแล้ว ตนเองจะติดเชื้อมรณะหรือไม่ ดังนั้นจึงหมายความว่าธุรกิจการบิน การโรงแรมการท่องเที่ยว และการบริการอื่นๆ ที่สืบเนื่องกับการท่องเที่ยว การสัมมนา และการอบรมข้ามประเทศจะยังคงซบเซาต่อไปอย่างน้อยๆ ก็อีกประมาณเกือบๆ หนึ่งปีเต็ม
เมื่อสภาพเศรษฐกิจโลกยังซบเซาเช่นนี้ ก็ไม่ต้องหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตขึ้นมาได้ เมื่อเศรษฐกิจไทยซบเซา ก็หมายความว่าคนไทยส่วนใหญ่จะขาดรายได้ หรือมีรายได้ลดลง แล้วคนจำนวนไม่น้อยก็จะมีหนี้สินรุกรังล้นพ้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่สามารถหารายได้เพิ่ม แล้วก็ไม่สามารถลดรายจ่ายลงได้ ก็จะหมายถึงหนี้สาธารณะจะเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นเป็นลำดับ ส่วนรัฐบาลนั้น แม้จะพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากมายสักเพียงใด ก็คงไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นอย่างทันตาเห็นได้ แล้วเมื่อพบว่าประเทศมีหนี้สาธารณะสูงมาก ก็จะส่งผลต่อนโยบายการคลัง แล้วก็จะมีผลกระทบไปถึงเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่มากขึ้นและมากขึ้น แล้วก็อาจจะเกิดสภาวะฟองสบู่ รวมถึงจะเกิดพฤติกรรมลงทุนที่มีความเสี่ยงมากๆ (Moral Hazard) เพราะว่าผู้คนไม่สามารถทนรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำแสนต่ำได้ต่อไป
ในเมื่อเราหวังพึ่งระบบเศรษฐกิจโลกได้ยาก ก็จำต้องหันไปฝากความหวังไว้กับรัฐบาลว่าคงจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ออกมาอีก แต่ก็ต้องยอมรับว่ารัฐบาลไทยก็ไม่มีเงินมากนัก เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ก็ตามก็ต้องมีเงินสำรองด้วย คำถามคือรัฐบาลมีเงินสำรองมากพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจไปได้สักกี่น้ำ ส่วนที่พอจะหวังได้บ้างก็คือโครงการลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (Infra Structure) ต่างๆ ที่ใช้เงินลงทุนหลายแสนล้านบาท คนไทยก็คงจะมีความหวังเพียงเท่านี้แหละ ส่วนเรื่องเผาจริง เผาหลอก ก็ขึ้นกับว่าคนไทยจะมีส่วนในการเผาชนิดใด หากยังคงประท้วงด้วยความไร้สติต่อไป ก็คงหนีไม่พ้นการเผาจริงอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี