คน (บางคน) เป็นตัวสร้างปัญหาให้คนอื่นๆ ในสังคม แต่ตัวปัญหากลับอ้างว่าปัญหามาจากสิ่งอื่น นี่คือการปฏิเสธความผิดของตัวปัญหา ฉันใดก็ฉันนั้น เราจึงพบเห็นตรงกันว่า คนมีปัญหากลุ่มหนึ่งโยนความผิดให้กับเครื่องแบบนักเรียน แล้วอ้างว่าเครื่องแบบนักเรียนคือตัวปัญหา
ถามจริงๆ ปืนที่วางอยู่เฉยๆ โดยไม่มีใครหน้าไหนเข้าไปยุ่งกับมัน ปืนกระบอกนั้นมันจะทำอันตรายให้ใครหน้าไหนได้หรือ การตั้งคำถามนี้ก็เพื่อจะบอกว่าชุดนักเรียนไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่คนซึ่งพยายามโยนความผิดให้ชุดนักเรียน หากชุดนักเรียนเป็นตัวปัญหาจริงๆ แล้วชุดไหนบ้างที่จะไม่เป็นปัญหากับคนเจ้าปัญหา
การที่สังคมไทยยอมรับว่านักเรียนต้องสวมเครื่องแบบนักเรียน ในวันที่มีการเรียนการสอนตามปกติ คือความยินยอมพร้อมใจของผู้คนในสังคม เพราะเห็นแล้วว่าการสวมชุดนักเรียนเป็นการทำตามกฎเกณฑ์เบื้องต้น และยังช่วยลดปัญหาการเลือกชุดสำหรับแต่งตัว แต่ก็ยังมีคนบางจำพวกบอกว่าชุดนักเรียนคือการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ถ้าอ้างเช่นนี้ก็ต้องตอบกลับว่า หากรักสิทธิเสรีภาพมากก็จงเลือกไปเรียนในโรงเรียนที่เขาไม่มีข้อกำหนดเรื่องการสวมเครื่องแบบ หรือไม่เช่นนั้นก็จงเรียนหนังสือแบบ Home School
คนสติไม่สมประกอบบางจำพวกอ้างอีกว่าหากการสวมชุดนักเรียนแล้วทำให้สังคมไทยไม่มีความเหลื่อมล้ำจริง ทำไมประเทศไทยยังถูกจัดโดยต่างชาติว่าบ้านเมืองของเรามีความเหลื่อมล้ำในลำดับที่ค่อนข้างสูงของโลก คนที่ตั้งคำถามเช่นนี้คงต้องตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ทำไมนักเรียนได้เกรดจากการเรียนหนังสือไม่เท่าเทียมกัน หรือเขาจะยังอ้างว่าลูกคนรวยได้เกรดดีกว่าลูกคนจน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะหลายต่อหลายร้อยหลายพันครั้ง เราพบเห็นตรงกันว่าลูกคนจนสอบได้เกรดดีกว่าลูกคนรวย แต่ที่อัศจรรย์ใจคือดันมีลูกคนรวยรายหนึ่งซึ่งพ่อเป็นนายกรัฐมนตรี ดันเข้าไปเรียนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ ทั้งๆ ที่ผลการเรียนแสนเลวร้ายมาโดยตลอด แต่เมื่อมีข้อยืนยันว่ามีข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนั้นรั่ว ก็กลับปรากฏว่าลูกคนรวยที่พ่อเป็นนายกฯ แต่ผลการเรียนแล้ว กลับได้เข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้อย่างปาฏิหาริย์ เรื่องแบบนี้ไม่เห็นกลุ่มนักเรียนเลวจะนำมาประจานแล้วฟ้องสังคมว่านี่คือความไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน
คนจนหรือคนรวยไม่เกี่ยวกับชุดนักเรียนเลยแม้แต่น้อย ชุดนักเรียนไม่เคยถูกแบ่งแยกว่าชุดนี้สำหรับคนรวย ชุดนี้สำหรับคนจน ชุดนักเรียนก็คือชุดนักเรียน ทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด แล้วทุกคนที่ต้องสวมชุดนักเรียนก็ต้องแต่งเหมือนๆ กันดังนั้นจึงไม่ใช่การแบ่งแยกเศรษฐสถานะ แต่การที่คนพาลอ้างว่าชุดนักเรียนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของบุคคล คือการอ้างที่ไร้ตรรกะ ขอถามย้ำว่ามีโรงเรียนไหนหรือที่แบ่งแยกชุดนักเรียนสำหรับคนรวยกับคนจน หากมีจริง ขอให้นำมายืนยันเป็นหลักฐานด้วย
คนที่อ้างว่าความเก่าความใหม่ของชุดนักเรียนคือเครื่องสะท้อนความเหลื่อมล้ำ เป็นคำอ้างที่แสนตลก ขอย้ำว่าไม่เคยมีโรงเรียนไหนกำหนดว่านักเรียนต้องสวมชุดใหม่ไปเรียนหนังสือ สวมชุดเก่าแล้วห้ามเข้าเรียน ความใหม่ความเก่าของชุดไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่การรักษาความสะอาดของชุดโดยผู้สวมใส่
การสวมชุดนักเรียนไม่ใช่การลิดรอนเสรีภาพ แต่เป็นการยอมรับกฎกติกาเบื้องต้นของสังคมที่คนแต่ละคนต้องเข้าไปเป็นสมาชิก หากยืนยันว่าไม่ต้องการเป็นสมาชิกของชุมชนใดๆ ก็ไม่มีใครบังคับให้ต้องเข้าไป แต่เมื่อตกลงใจเป็นสมาชิกแล้ว ก็ต้องทำตามกฎระเบียนของชุมชนนั้น เรื่องกฎระเบียบของชุมชนกับความเหลื่อมล้ำทางฐานะเป็นคนละเรื่องกัน อย่าพยายามแกล้งทำเป็นสับสนเพื่อหาเหตุสร้างความปั่นป่วนให้สังคมอีกเลย กรุณายอมรับเถอะว่าปัญหาอยู่ที่คนพาลที่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้สังคม ส่วนชุดนักเรียนไม่ใช่ตัวปัญหา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี