เกมส์ทุกชนิดล้วนมีกติกาในการแข่งขัน โดยมีสัญญาณบ่งบอกการเริ่มต้นพันตู และสัญญาณให้ยุติการบดบี้ขยี้คู่ต่อสู้

สัญญาณหลายชนิดที่นำมาใช้ การ “เป่านกหวีด” เป็นแฟชั่นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอล “เสียงเป่านกหวีดจากกรรมการตัดสินในสนาม” ถือเป็น “เสียงดังที่ยอดศักดิ์สิทธิ์” ที่สะกดจิตให้นักกีฬาทุกคนต้องทำตาม ประกาศิตของกรรมการ

“ในสนามช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย การเปิดหีบให้ประชาชนไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเปรียบเหมือนการเป่านกหวีดให้เริ่มการแข่งขัน และทันทีที่กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ คือการยุติการพันตูทางการเมือง”

“การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 46 ในสหรัฐอเมริกา”กรรมการ “เป่านกหวีด” ให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ และหย่อนบัตรลงในหีบเลือกตั้ง “วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา” ส่วนการตัดสินชัยชนะการแข่งขัน จะถูก“เป่านกหวีด” โดย “คณะกรรมการเลือกตั้งของรัฐต่างๆ” อย่างเป็นทางการใน “วันที่ 14 ธันวาคม”

ระหว่าง 3 พ.ย.ถึง 14 ธ.ค. เป็นเดือนเศษที่ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการรู้ผลแล้ว โดยปกติ “ผู้แพ้การเลือกตั้งจะแสดงความยินดีกับผู้ชนะทันที”

แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 46 ในแดน “คาวบอย ชักปืนไว” ครั้งนี้ “ผู้เฒ่าปากจู๋ เนคไทแดง” ที่คนทั้งโลกต่างสงสัยว่า “มีสภาพจิตปกติหรือไม่?” พ่ายแพ้การเลือกตั้งแก่ “โจ ไบเดน” แบบ “ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น” กลับออกมาโวยวาย “ตนถูกโกง ตนถูกโกง” จนผู้คนทั้งโลกต่าง “เวทนาภาวะผู้นำของท่านจิวแป๊ะทง”

บัดนี้ คณะกรรมการเลือกตั้งจากรัฐต่างๆ ได้“เป่านกหวีด” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมาว่า “ไบเดนได้คะแนนเลือกตั้ง 306 คะแนน และทรัมป์ได้ 232 คะแนน” แพ้แบบต้องกินฝุ่นหลายปุ้งกี๋

ณ วันนี้ หากท่าน “จิวแป๊ะทง” ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ คงเป็นหน้าที่ของ “จิตแพทย์” ที่จะอธิบายแทนผู้เฒ่าปากจู๋ได้แล้ว

ถ้าวันที่ 20 มกราคม 2021 “ก่อนเที่ยงวัน”ถ้าท่านปากจู๋ ยังดื้อดึง “ไม่ยอมออกจากทำเนียบฯ” ก็คงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะไปลากผู้เฒ่าปากจู๋ออกจากทำเนียบอย่างทุลักทุเลและถูลู่ถูกัง

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม