วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ในสถานการณ์ที่โคขวิดแพร่ระบาดอย่างขนาดใหญ่นั้น ได้ปรากฏเหตุการณ์ที่พิลึกพิลั่นในหลายมิติที่เป็นเรื่องน่าคิดและเป็นปริศนาว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ของเรานี้ เพราะปรากฏการณ์ทั้งหลายนั้นบ่งชี้ชัดเจนมากขึ้นทุกวันว่ามีการกระทำให้เกิดหายนะเช่นนี้ขึ้นในโลกโดยไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
มีผู้ไปจดทะเบียนเป็นเจ้าของสิทธิบัตรไวรัสโคขวิด-19 และจดทะเบียนเป็นเจ้าของสิทธิวัคซีนไวรัสนี้มาตั้งแต่ก่อนขึ้นปีใหม่ 2563 ดังนั้นจึงไม่ต้องเถียงกันอีกแล้วว่าใครเป็นผู้สร้างไวรัสนี้ และใครวางแผนที่จะสร้างรายได้จำนวนมหาศาลจากการจำหน่ายวัคซีนให้แก่ประชากรโลก 7,000 ล้านคน
แม้ถึงปานนั้นแล้วก็ยังมีการโบ้ยใส่ร้ายป้ายสีกันไม่เว้นแต่ละวันว่าประเทศนั้นประเทศนี้เป็นต้นตอของการแพร่ระบาด และใช้กำลังสื่อมวลชนระดับโลกตีฆ้องร้องป่าวปั่นกระแสให้เป็นไปตามความต้องการนั้นๆ ผู้ใดติติงหรือคัดค้านในทางโซเชียลมีเดียก็จะถูกบล็อกอย่างไม่ไยดี โดยมีข้ออ้างว่าไม่ปฏิบัติตามกฎสังคมของการใช้โซเชียลมีเดีย
เรื่องแรกที่น่าจับตามองก็คือกระบวนการปั่นกระแสสร้างความตระหนกตกใจกลัวต่อทั่วโลกซึ่งทำเป็นกระบวนการและใช้สื่อหลักของโลกปั่นกระแสโหมกระหน่ำทุกวันเพื่อให้ชาวโลกตื่นตกใจกลัว และโดยมีองค์กรระดับโลกประสานเสียงสนับสนุนอยู่ โดยเฉพาะการรายงานยอดผู้ป่วยสะสมและผู้เสียชีวิตสะสม ตลอดจนเหตุการณ์เสียชีวิตซึ่งน่าตระหนกตกใจ และมีการนำตัวเลขเหล่านั้นไปรายงานในประเทศต่างๆ เป็นแบบอย่างเดียวกัน
ต่อมาก็มีผู้นำความจริงเอามาแฉว่าตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสะสมดังกล่าว รวมทั้งตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตรายวันนั้นมีฐานมาจากเว็บไซต์หนึ่งที่มีใครก็ไม่รู้ไปจัดตั้งไว้ที่ประเทศอิตาลี โดยมีสำนักงานเป็นห้องแถวห้องเดียวและปั่นกระแสสร้างตัวเลขเป็นรายวัน รวมทั้งระบุเหตุการณ์ต่างๆ ที่น่าตระหนกตกใจกลัว
จากนั้นก็มีการส่งตัวเลขดังกล่าวไปให้ประเทศต่างๆ นำไปรายงานข่าว รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นเหตุให้ตื่นตระหนกตกใจกันทั่วโลก และบัดนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่าตัวเลขทั้งนั้นเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น และถึงวันนี้ผู้ป่วยจริงมีทั้งหมดเท่าใด ผู้เสียชีวิตโดยตรงจากไวรัสนี้มีจำนวนเท่าใดก็ยังไม่มีเบาะแสที่ชัดเจน เพราะดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจความจริงในเรื่องนี้
ประเทศไทยพลอยตื่นตระหนกตกใจตามเข้าไปด้วย เป็นเหตุให้ประเทศไทยต้องประกาศใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินปีเศษแล้วโดยไม่มีวี่แววว่าจะยกเลิก ต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาลไปในการป้องกันแก้ไขปัญหา ต้องกู้หนี้ยืมสินจำนวนมากเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย เศรษฐกิจพังพินาศ ทุกภาคส่วนพังพินาศวายวอดด้วยความตื่นตระหนกตกใจกลัวอย่างไร้เหตุผล
ความจริงก็คือผู้เสียชีวิตจากโคขวิดในหนึ่งปีมานี้มีจำนวนน้อยกว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 1 วัน และมีอัตราส่วนไม่ถึง 1% ของผู้เสียชีวิตจากโรควัณโรค ซึ่งมียอดรวมถึง 60,000 คนต่อปี ทั้งๆ ที่เรื่องอุบัติเหตุและวัณโรคหาได้มีผู้ใดตกใจกลัวไม่ และไม่ได้มีมาตรการอะไรที่จะบรรเทาเบาบางเหตุแห่งการเสียชีวิตเหล่านั้นเลย กระทั่งไม่มีผู้ใดสนใจไยดีด้วยซ้ำไป คงบ้าคลั่งตื่นตูมเฉพาะโคขวิดเท่านั้น
ประเทศจีน รัสเซีย อิหร่าน อิตาลี และอีกหลายประเทศเลิกตื่นตระหนกตกใจไปนานแล้ว โดยถือว่าอัตราผู้เสียชีวิตน้อยมาก กระทั่งไม่มีฐานะเป็นโรคระบาดร้ายแรง เพราะแท้จริงก็เพียงแค่เป็นโรคที่ระบาดได้เร็ว แต่เสียชีวิตในอัตราที่น้อยมาก ดังนั้นจึงมุ่งเน้นในการใช้ยารักษาและไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจกลัวกันอีกแล้ว
ประเทศเหล่านี้ได้นำยาแผนโบราณและแบบแผนต่างๆ ในการรักษามาใช้กับผู้ป่วยโคขวิด ผลปรากฏว่าสามารถรักษาให้หายได้ตั้งแต่ระยะเวลา 24 ชั่วโมง ไปจนถึง 4 วัน ถ้าป่วยมากเพราะเหตุพบช้าก็จะใช้เวลานานถึง 12 วัน ดังนั้นประเทศทั้งหลายเหล่านี้จึงถือว่าโคขวิดก็ไม่ต่างกับไข้หวัดใหญ่ ใครป่วยก็รักษากันไป
ในขณะเดียวกัน เมื่อมีการเห่อกันในเรื่องวัคซีนเขาก็ผลิตวัคซีนออกใช้และจำหน่ายไปทั่วโลก เป็นผลให้ประเทศจีนสามารถดำรงความเติบโตทางเศรษฐกิจได้สูงที่สุดในโลก ซึ่งควรเป็นแบบอย่างให้ได้ศึกษาปฏิบัติ
ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่สามารถใช้ยาที่ประเทศไทยมีอยู่รักษาผู้ป่วยโคขวิดให้หายเป็นรายแรกของโลก และเป็นประเทศแรกที่นำแบบแผนการรักษาโดยใช้พลาสมามารักษาผู้ป่วยเป็นประเทศแรกในโลก จนมีการแถลงข่าวระดับโลกดังที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่บัดนี้ทั้งยาที่ใช้และแบบแผนการใช้พลาสมาไม่ได้รับการส่งเสริมให้ใช้ เพราะมุ่งแต่จะหาวัคซีนเป็นสรณะอย่างเดียว
ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ป่วย แต่มีผู้ป่วยเกิดขึ้นเพราะคนต่างด้าวก็ดี นักเล่นการพนันก็ดี การติดเชื้อต่างๆ ก็ดีก็มีขึ้น เป็นแต่ไม่รู้บ้าง ไม่ออกอาการบ้าง หรือมีอาการก็หายากินกันไปรักษากันไปก็หายได้ จนไม่แน่ว่าการรักษาแบบชาวบ้านจนหายป่วยนั้นอาจจะมีมากกว่าตัวเลขที่มีการแถลงก็เป็นได้
ความจริงสถานการณ์นี้เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมของประเทศไทยที่จะใช้ยาแผนปัจจุบันและแบบแผนการรักษาที่เคยใช้ รวมทั้งยาแผนโบราณ ซึ่งนอกจากจะทำให้หายตระหนกตกใจกลัวแล้วยังจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ทุกภาคส่วนสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ได้เร็วขึ้น

โฆษกรัฐบาล ฟาด 'วันนอร์' ย้อนแย้ง ชี้ช่องฝ่ายค้านยื่นซักฟอก ปิดทางยุบสภาฯ
'ชนนพัฒฐ์'พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ประกาศวางมือทางการเมือง ถ้าผิดจริง
ตะลึง! สิงคโปร์ยึด'นอแรด'คาสนามบินชางงี ลอบขนจากแอฟริกาจ่อส่งลาว
นักวิเคราะห์จีนยก'พระราชินีสุทิดา' เป็นต้นแบบผู้หญิงยุคใหม่
ศึกบัตรทองเดือด!!! 'หมอเหรียญทอง'ปลุกต้าน NGO

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี