สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” ขอนำเรื่องราวหลายแง่มุมที่ต้องคำนึงถึงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จากงานเสวนา (ออนไลน์) เรื่อง “วิจัย-นโยบาย-เศรษฐกิจ : จัดการวัคซีนอย่างไรจึงได้ประโยชน์สูงสุด?” มาบอกเล่ากับท่านผู้อ่าน โดยชาวโลกทยอยฉีดกันแล้วในขณะที่ชาวไทยอยู่ในระหว่างรอจนหลายคนร้อนใจและมีคำถาม เช่น จะไปหาวัคซีนมาฉีดเองได้หรือไม่ หรือหน่วยงานรัฐช่วยเร่งรับรองวัคซีนหลายๆ ผู้ผลิตโดยเร็วได้หรือไม่ เป็นต้น
นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 คำนึงถึงความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1 และตามมาด้วยประสิทธิภาพ เช่น หากไวรัสมีการกลายพันธุ์จะยังป้องกันได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องครอบคลุมประชากรให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญยังต้องโปร่งใสและเป็นธรรม ไม่ให้เกิดข้อครหาว่าเลือกฉีดให้คนนั้นคนนี้เพราะเป็นพวกเดียวกัน เป็นต้น
สำหรับหลักการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำหนดให้บุคลากรสาธารณสุข เช่น แพทย์ พยาบาล เป็นกลุ่มแรกที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพราะเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับโรคระบาด หรือของประเทศไทยอาจรวมอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) เข้าไปด้วย ส่วนกลุ่มถัดมาเป็นผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพราะเป็นกลุ่มที่หากติดเชื้อแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูง การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงของอาการลงได้
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งคำถามว่า ในเมื่อการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพที่การควบคุมไปที่กลุ่มเสี่ยงสูง แต่ในกรณีการระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่า
ระลอก 2 จุดเริ่มต้นมาจากแรงงานข้ามชาติก่อนจะลุกลามมายังคนไทย รัฐไทยจะสามารถฉีดวัคซีนให้คนกลุ่มนี้ได้หรือไม่เพราะอาจมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย นพ.โสภณกล่าวว่า ในแวดวงนักวิชาการมีข้อถกเถียงโดยฝ่ายหนึ่งสนับสนุนให้ฉีดเพื่อลดการแพร่โรค
แต่อีกกลุ่มเห็นว่าไม่จำเป็นเพราะวัคซีนมีผลเพียงลดความรุนแรงของอาการป่วย ควรนำไปฉีดให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพก่อนดีกว่า เช่นเดียวกับ
การทุ่มวัคซีนไปยังพื้นที่มีการระบาดสูงสุด อาทิ จ.สมุทรสาคร ก็จะมีข้อถกเถียงในลักษณะเดียวกัน ส่วนกฎหมายนั้นรัฐธรรมนูญกำหนดให้คุ้มครองทุกคน
ที่อยู่บนแผ่นดินไทยในเรื่องนี้ อีกทั้งเป็นเรื่องของหลักคุณธรรม-จริยธรรม อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูเรื่องงบประมาณด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีเงินก็ใช่ว่าจะหาวัคซีนมาฉีดได้ง่ายๆ เพราะขณะนี้มีความต้องการใช้วัคซีนโควิด-19 อยู่ทั่วโลก และอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือความจำเป็นเร่งด่วน หากในประเทศควบคุมการระบาดได้ดี เช่น ประชากรสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก และล้างมือบ่อยๆ จนเป็นนิสัย ดังที่เห็นในการระบาดรอบแรกที่สถานการณ์ของประเทศไทยไม่รุนแรงนัก ลักษณะนี้ก็เปรียบเหมือนมีเกราะป้องกันอยู่แล้วชั้นหนึ่ง ย่อมสามารถรอดูสถานการณ์จากภายนอกก่อนได้ว่าวัคซีนที่มีออกมาให้ใช้นั้นมีประสิทธิภาพและปลอดภัยหรือไม่
นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ นักวิจัยอาวุโส โครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) กล่าวว่า วัคซีนจากผู้ผลิตหลายรายที่นำมาใช้มีการวิจัยและมีผลการทดลองแล้วว่ามีประสิทธิภาพจึงถูกนำมาใช้ ในเบื้องต้นจึงพอจะกล่าวได้ว่าวัคซีนเหล่านี้มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่เพราะวัคซีนโควิด-19 ถูกนำมาใช้อย่างเร่งด่วน นักวิชาการบางท่านจึงมองว่าขณะนี้ผลการวิจัยที่มีเป็นเพียงผลระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปโดยมี3 เรื่องที่ต้องศึกษาในระยะยาว 1.วัคซีนมีระยะเวลาที่ใช้ป้องกันโรคได้นานเพียงใด
2.ข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจนว่าป้องกันการติดเชื้อได้หรือไม่ เพราะข้อมูลที่มีอยู่เป็นเพียงผลของวัคซีนต่อการลดความรุนแรงของโรคเท่านั้น และ 3.ผลข้างเคียงในระยะยาว ส่วนข้อเสนอที่ว่าน่าจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ในฐานะนักวิชาการถือว่าเรื่องนี้น่ากังวลเพราะในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีข้อมูลชัดเจนถึงประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อ แต่บางหน่วยงานกลับมั่นใจไปแล้วว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนจะไม่นำเชื้อโควิด-19เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย
เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า โควิด-19 ไม่เพียงเป็นไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพแต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจด้วย ซึ่งวัคซีนทำให้ผู้คนเกิดความเชื่อมั่นและกล้าใช้จ่ายเงินมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยว จากเดิมที่การระบาดระลอกแรกและระลอกสอง ทำให้ผู้คนกังวลว่าจะมีการระบาดในระลอกต่อๆ ไป ดังนั้นแม้รัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ประชาชนก็ไม่ค่อยกล้าใช้จ่ายเพราะไม่รู้เมื่อไรเงินจะหมุนกลับมาเข้ากระเป๋าตนเอง อนึ่ง วัคซีนยังช่วยชะลอปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้นจากสถานการณ์โรคระบาดด้วย
อีกด้านหนึ่ง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ร้อยละ 70 ของเม็ดเงินนั้นมาจากการท่องเที่ยว จึงเป็นแรงกดดันที่ต้องการกลับไปสู่จุดนั้น แม้ธนาคารโลก (World Bank) จะวิเคราะห์ว่า ถึงจะมีวัคซีนที่ป้องกันโควิด-19ได้จริง ก็ต้องใช้เวลาราว 2 ปี กว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเท่ายุคก่อนเกิดโรคระบาดก็ตาม แต่หากผู้กำหนดนโยบายเข้าใจประสิทธิภาพของวัคซีนคลาดเคลื่อน ก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการระบาดระลอกต่อไปได้เช่นกัน
ดังนั้น หากเมื่อใดที่วัคซีนได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อได้จริง จึงค่อยดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับกำลังซื้อจากภายนอก และในเมื่อยังไม่มีวัคซีน นอกจากการป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคลอันเปรียบเหมือนชุดเกราะกับโล่แล้ว มาตรการทางกฎหมายที่เปรียบเหมือนดาบไว้กำราบพวกที่อยู่นอกแถวจนทำให้เกิดการระบาดของโรคควรถูกนำมาใช้อย่างเข้มข้น
เกียรติอนันต์ เล่าประสบการณ์ที่เคยทำงานในต่างประเทศร่วมกับธนาคารโลก แล้วพบว่า ครัวเรือนยากจนจะบริโภคอาหารแบบเน้นราคาถูกเข้าว่าแม้สารอาหารจะไม่เพียงพอซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ คำถามคือสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้คนจำนวนมากตกงานสูญเสียรายได้ และการฟื้นตัวมีทั้งคนที่ฟื้นเร็วกับฟื้นช้า สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือวัคซีนจะแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ในร่างกายของประชากรเหล่านี้หรือไม่
และจะมีนโยบายใดมาประคับประคองคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนที่เมื่อสุขภาพไม่ดีก็ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปถึงศักยภาพในการเรียนรู้ด้วย!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี