หมอโรส เป็นอายุรแพทย์โรคหัวใจ แต่เขียนเล่าเรื่องโควิด ผ่านเฟซบุ๊ค “Rose Krong-on”
บางส่วนในข้อเขียน สะท้อนสถานการณ์และการแก้ปัญหาโควิด-19 ในประเทศไทย เทียบกับสหรัฐอเมริกา อย่างน่าสนใจมาก
ระบุว่า
....
- เกริ่น... ตอนแรกที่เพิ่งติดอาการจะไม่ค่อยรุนแรง แต่พอสัก 5-8 วัน เริ่มลงปอดแล้วอาการจะรุนแรงขึ้น สามารถแย่ลงได้เร็ว เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง (แม้จะได้ยา) จากผู้ป่วยที่เสียชีวิตที่อายุน้อย 20-40 กว่าๆ มักมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ส่วนอายุสูงกว่านั้น ก็เป็นโรคปอด หัวใจ ไต ความดัน เบาหวาน ตามที่เห็นในรายงานวิจัยและข่าว
- ที่โรคโควิดรุนแรง... เพราะ inflammation หรือการอักเสบที่รุนแรง จากการที่ไวรัสไป “กระตุ้นภูมิคุ้มกัน” ทำให้มีลักษณะเหมือนติดเชื้อในกระแสเลือด มีการล้มเหลวได้ของหลายอวัยวะ เช่น ปอด ไต ดังนั้น การให้ยา steroid เพื่อกดภูมิคุ้มกันจึงเป็น 1 ในการรักษานอกเหนือจากยาต้านไวรัส แต่การกดภูมิคุ้มกัน ไม่ได้กดเฉพาะจากการตอบสนองต่อโควิด คือ กดหมด ทั้งภูมิที่ตอบสนองต่อการติดเชื้อชนิดอื่นด้วย เช่น แบคทีเรีย (ไวรัสกับแบคทีเรียเป็นเชื้อคนละชนิดกัน การให้ยารักษาก็แตกต่างกัน) ดังนั้น คนไข้ที่ได้ steroid จึงสามารถติดเชื้อตัวอื่นแทรกซ้อนได้ และหลังจากการเกิดการอักเสบ เนื้อเยื่อส่วนนั้น เช่น ในปอด จะกลายเป็นพังผืด ทำให้บางคนมีการทำงานของปอดที่ไม่เหมือนเดิมได้
- ผลข้างเคียงจากการเกิดโควิด... มีระยะสั้นและยาว ระยะสั้น เช่น เกิดภาวะปอดอักเสบอย่างรุนแรง (ARDS) หรือมีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด (pulmonary embolism) ซึ่งสามารถทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำมากได้ หรือหัวใจ สามารถเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ซึ่งภาวะที่กล่าวมานี้สามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดภาวะเลือดข้น หรือ hypercoagulable state มีก้อนของลิ่มเลือดเกิดขึ้นได้ด้วย
- ไม่ใช่โรคที่เจ็บแล้วจบนะ... มีรายงาน Breaking News จาก CNN วันที่ 22 เมษา ว่า คนไข้ที่เป็น COVID-19 survivor หรือผู้ที่รอดตายจากการติดเชื้อโควิด ยังมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตใน 6 เดือนสูงกว่าคนทั่วไปถึง 60% และสามารถทำให้เกิด post-viral syndrome หรือภาวะที่เกิดขึ้นตามหลังการติดเชื้อไวรัสโควิด ที่มีชื่อว่า Long-Haul Syndrome อีกด้วย ซึ่งทำให้มีอาการเรื้อรังต่อไปได้อีกเป็นเดือนๆ เช่น ปวดหัว ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย อ่อนแรง เหนื่อย ไม่มีพลัง มีภาวะสมองล้า (Brain Fog Syndrome) ไม่สามารถ concentrate ได้ ไม่ได้กลิ่น/รส มีภาวะทางสุขภาพจิต เช่น กังวล depression
- ในเด็ก... ในระลอกก่อนๆ มีรายงานว่า เด็กอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ ไม่ค่อยลงปอด แต่ระลอกนี้เป็นปอดอักเสบกันเยอะ ถึงแม้ว่าอาการจะไม่หนัก คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นยังไง
- การฉีดวัคซีน... “ไม่ได้ป้องกันการติดโควิด” แต่จะ “ไม่เป็นหนักหรือไม่ถึงขั้นตาย” แต่ยัง “สามารถรับเชื้อ เป็นพาหะ นำเชื้อไปแพร่คนอื่นได้” และในขณะนี้มีเชื้อกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น สายพันธุ์แอฟริกาใต้ บราซิลและอินเดีย ซึ่งต้องรอดูต่อไปว่าวัคซีนที่มีอยู่ในตอนนี้จะป้องกันได้แค่ไหนอย่างไร
- ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น... มีรายงานในประเทศไทยเรื่องอาการชาอ่อนแรงแบบอัมพาต อัมพฤกษ์ เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ส่วนใหญ่หายได้ใน 2-3 วัน หลังได้รับการรักษา มีข้อสังเกตว่าเกิดขึ้นในบางรพ.หรือบางจังหวัดมาก มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ purify ของวัคซีน แต่ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งคงต้องรอข้อมูล การวิเคราะห์และข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญต่อไป
- ยังควรฉีดวัคซีนไหม... แม้จะมีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงในประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่หายได้หลังจากได้รับการรักษา คำแนะนำในตอนนี้ ก็ยังแนะนำให้ฉีด (อันนี้ขึ้นกับประวัติผลข้างเคียงและดุลยพินิจของแต่ละคนด้วยนะ)
- จะฉีดตัวไหน... ถ้าเลือกได้ เลือกตามประสิทธิภาพ ข้อกำหนดและไม่มีข้อห้ามตามข้อมูลวิจัยเลย แต่อยากบอกว่า เราอาจไม่มีทางเลือกมากนัก มีวัคซีนตัวไหนเข้ามา ถ้ามีงานวิจัยสนับสนุนและไม่มีข้อห้าม ก็คงต้องฉีดตัวนั้น ขึ้นกะ timing ที่รัฐบาลนำเข้ามาจะมาถึงเราตัวไหน ถ้าโชคดี ก็ได้ตัวที่มีประสิทธิภาพสูง มีเพื่อนหมอท่านนึงพูด ฟังแล้วชอบและเห็นด้วยมาก “วัคซีนที่ดี คือ วัคซีนที่มี ตอนนี้มีอะไรก็ฉีดไปก่อนให้ครบ 2 เข็ม อย่างน้อยติดโรคก็ไม่รุนแรงแน่”
- ฉีดซ้ำได้ไหม... มีคนบอกว่า เหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ boost ได้ จะซ้ำได้เมื่อไหร่ ควรต้องฉีดเข็มที่ 3 ด้วยไหม คงต้องรอข้อมูลกันต่อไป
- หลังฉีดวัคซีน...โอกาสเสี่ยงในการติดโรคลดลง แต่การฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันโรคได้ 100% เพราะไม่มีวัคซีนตัวไหนประสิทธิภาพ 100% มีรายงานในอเมริกา ว่าฉีดวัคซีนยี่ห้อดีครบ 2 เข็มแล้วยังติดโควิดได้ ดังนั้น คนที่ฉีดแค่ 1 เข็มแล้วลดวินัยในการปฏิบัติเพราะคิดว่าวัคซีนจะป้องกันได้ ไม่สมควรกระทำนะคะ ส่วนคนที่ได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว ก็อย่าเพิ่งการ์ดตกนะคะ จนกว่าประชาชนสามารถสร้าง Herd Immunity (ภูมิคุ้มกันหมู่) คือ ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเองตามธรรมชาติหรือได้รับวัคซีนป้องกันโรค มีจำนวน
มากพอจนเชื้อไวรัสไม่สามารถแพร่กระจาย หรือถูกส่งผ่านไปยังคนอื่นๆ ได้
- คำแนะนำ... การป้องกันที่ดีที่สุด ก็ยังเป็น ใส่ mask ล้างมือ Social Distance แม้คุณจะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันการรับเชื้อ เป็นพาหะ หรือแพร่สู่ผู้อื่น
- คุยกะเพื่อนที่อเมริกา... ตอนนี้สถานการณ์ในประเทศไทยเริ่มเหมือนที่อเมริกาตอนระบาดหนัก เคสที่ไม่ต้องรีบรักษาหรือผ่าตัด ควรงดหรือเลื่อนไปก่อน เพื่อนเล่าว่ามีเคสมารักษาด้วยโรคอื่น สุดท้ายติดโควิดจากในรพ.และเสียชีวิต
เพื่อนที่อเมริกาอีกคนถามว่า ทำไมประเทศไทย admit ทุกเคส ทำไมไม่ home isolation มันเป็นนโยบายเพราะ 2 ระลอกที่ผ่านมา เรายังมีศักยภาพที่จะรองรับเตียงในรพ.ได้ แต่ระลอกนี้ระบาดหนักที่สุด รพ.สนามก็ตั้งขึ้นหลายแห่งแล้ว ยังมีคนไข้ค้างอยู่เป็นพันคน ถ้ายังไม่มีมาตรการที่สามารถควบคุมได้ออกมา Home Isolation is Coming Soon (ถ้ายังควบคุมไม่ได้ มีคนบอกว่า ประเทศไทยอาจจะต้องเป็นเหมือนในยุโรป เช่น อังกฤษ อิตาลี ตอนระบาดหนัก ซึ่งอาจต้องมีการเลือกว่า ใครจะอยู่ ใครจะไป ภาวนาเป็นอย่างยิ่งว่า ขออย่าให้ถึงจุดนั้นเลย)
Key Message
อย่าติดได้จะดีที่สุด
ได้ฉีดวัคซีนแล้ว ก็อย่าเพิ่งการ์ดตก จนกว่าประชาชนจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในปริมาณที่มากพอ นี่ยังไม่นับรวมว่าอาจจะมีเชื้อกลายพันธุ์เกิดขึ้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าวัคซีนจะป้องกันได้แค่ไหน
ตอนนี้ควร lock down ตัวเอง หยุดเชื้อด้วยการอยู่บ้าน WFH ในคนที่ทำได้ ถึงแม้ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีมาตรการ lock down เพราะเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจ ก็เข้าใจและเห็นใจคนที่หาเช้ากินค่ำ แต่ในคนที่สามารถอยู่บ้าน WFH ได้ อยู่เถอะค่ะ เพื่อคุณและคนที่คุณรักในครอบครัวของคุณนะคะ
....
จากข้อเขียนของหมอโรส เป็นการย่อย “ความรู้” ให้เข้าใจง่ายๆ
เหมาะอย่างยิ่งกับสังคมไทยที่ปัจจุบันอุดมไปด้วย “นักแสดงความเห็น” ที่มีความรู้บ้าง ไม่มีบ้าง บางคนไม่มีเลยความรู้ แต่แสดงความเห็นเป็นคุ้งเป็นแคว เป็นตุเป็นตะ แถมเป็นที่นิยมเพราะใช้ถ้อยคำรุนแรงดุเดือด น่าตื่นเต้น เน้นด่ารัฐบาล ด่าทีมหมอ สนองการระบายทางอารมณ์ของมวลชน มากกว่าจะอยู่บนพื้นฐานข้อมูลข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาจริง
การเสพ “ความรู้” ก่อนจะออก “ความเห็น” ช่วยบรรเทาภาวะ คลุ้มคลั่งทางอารมณ์ในสังคมได้จริงๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี