ก่อนอื่นต้องบอกตรงๆ ว่าคนไทยเกิดความสับสนมากและตลอดเวลากับนโยบายแก้วิกฤติเชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศโดยรัฐบาลไทย ความสับสนเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เชื้อแพร่ระบาดเมื่อต้นปี 2563 เพราะยุคนั้นรัฐบาลโดยรัฐมนตรีรายหนึ่งที่มีหน้าที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขออกมาให้ความเห็นกับสาธารณชนว่า ไม่ต้องกังวลกับเชื้อตัวนี้ (แรกๆ เรียกชื่อไวรัสอู่ฮั่น เพราะแพร่ระบาดหนักในเมืองอู่ฮั่น) แถมยังพูดทำนองว่าเป็นเชื้อไข้หวัดธรรมดา ไม่ต้องตื่นเต้นหวาดกลัวมากเกินไป
แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนเกิดความตื่นตระหนกกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งประเทศ จึงเกิดปัญหาหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และแอลกอฮอล์ขาดตลาด แล้วยังบังเกิดปรากฏการณ์หน้ากากอนามัยที่เคยขายราคาแผ่นละ 2-3 บาท เพิ่มราคาเป็น 15-20 บาท แล้วก็ยังหาซื้อของแท้ได้ยากลำบาก จนนำไปสู่การทำหน้ากากผ้าใช้แทนหน้ากากอนามัยแบบใยสังเคราะห์กันทั่วบ้านทั่วเมือง หลายหน่วยงานแจกหน้ากากอนามัยชนิดทำจากผ้าให้ลูกค้าของตน และในเวลานั้นก็ยังเกิดปัญหาแอลกอฮอล์ และเจลแอลกอฮอล์ขาดแคลนอีก แต่เรื่องสำคัญนั้นก็เงียบหายไปราวกับไม่เคยมีความโกลาหลบังเกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยมาก่อน แถมยังปราศจากคำตอบว่าใครกักตุนสินค้า แต่คนจำนวนไม่น้อยรู้ดีว่ามีคนได้ผลประโยชน์มหาศาลจากวิกฤตการณ์ความขาดแคลนในครั้งนั้น
มาล่าสุดเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 คนไทยทั้งประเทศก็สับสบกับนโยบายฉีดวัคซีนอีก หลังจากสับสนมาแล้วว่า ตกลงประเทศไทยมีวัคซีนหรือไม่ (ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม แต่ขอให้มีประสิทธิภาพดี สามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้ตามมาตรฐานโลกเท่านั้น) มีเพียงพอกับประชากรหรือเปล่า แล้วมาถึงวันนี้ก็มีคำถามอีกว่า ตกลงคนไทยทุกคนที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนจะได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือไม่
ต้องบอกตรงๆ ว่าความสับสนที่บังเกิดกับคนไทยในเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ได้เกิดมาจากใครที่ไหนเลย แต่เกิดมาจากรัฐบาลเป็นสำคัญ (แน่นอนว่ามีความพยายามปล่อยข่าวเท็จเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาเป็นประจำ แต่รัฐบาลก็ไม่มีปัญญาจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ปล่อยข่าวเท็จ) รัฐบาลไม่เคยพูดความจริงเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กระจ่างชัดเมื่อรัฐบาลไม่พูดเรื่องสำคัญให้ชัด ก็จึงทำให้เกิดข่าวเท็จปลิวว่อนในสังคมไทย แล้วน่าสมเพชที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยินดีเชื่อข่าวเท็จ แล้วช่วยแพร่กระจายข่าวเท็จอีก ดังนั้นข่าวเท็จจึงกระจายไปทั่วทุกหัวระแหงในประเทศไทย แถมสื่อมวลชนหลักบางสำนักก็ยังแพร่กระจายข่าวเท็จอีก สังคมไทยเลยยิ่งเละหนักเข้าไปใหญ่
ล่าสุดของล่าสุด มีข่าวออกมาจากปากของคนในรัฐบาลอีกว่าจะเปิดให้ประชาชน Walk In ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งๆ ที่รัฐบาลเปิด Apps หมอพร้อม แล้วให้ประชาชนลงชื่อเพื่อขอฉีดวัคซีนตามโรงพยาบาลที่แต่ละคนมีประวัติรักษาตัว เรื่องนี้หากดูให้ดีจะพบว่าคำพูดของหัวหน้ารัฐบาลกับรัฐมนตรีบางรายในรัฐบาลไม่สอดประสานกัน ขอถามตรงๆ ตกลงหัวหน้ารัฐบาลกับรัฐมนตรีทำงานในรัฐบาลเดียวกันแน่หรือ ทำไมไม่ตกลงกันให้ชัดว่าจะเอาอย่างไรก่อนให้ข่าว จะแย่งให้ข่าวเพื่ออะไร เพื่อเอาหน้าทางการเมืองหรือ ขอร้องเถอะ เลิกทำงานเอาหน้าเสียทีเถอะ เพราะประชาชนเสียหาย ประเทศชาติเสียหายมามากแล้ว เพราะนักการเมืองทำงานเอาหน้าแต่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์แท้จริงของสาธารณะ
บอกตรงๆ ไม่อยากวิจารณ์รัฐบาล แต่รัฐบาลต้องไม่ทำตัวให้สาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์ด้วย ไม่ใช่ห้ามประชาชนวิจารณ์รัฐบาล แต่รัฐบาลแสดงพฤติกรรมประหลาดให้ประชาชนวิพากษ์ตลอดเวลา ขอให้คิดให้ดีก่อนให้ข่าว ไม่ต้องทุรนทุรายให้ข่าว ถ้ายังไม่ตกลงกันให้เป็นมั่นเป็นเหมาะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี