ใครจะโต้เถียงหรือปฏิเสธว่า ประเทศไทยไม่มีการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นประเด็นหาเสียงและผลประโยชน์ทางการเมือง ก็เป็นเรื่องของเขา แต่สำหรับคนที่ติดตามประเด็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ยังคงยืนยันว่ามีนักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยใช้ประเด็นความเป็นความตายของประชาชนอันเนื่องมาจากโรคโควิด-19 เพื่อเป็นเงื่อนไขแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองให้กับตนเองและพรรคการเมืองที่ตนเองมีอำนาจเหนือ
หลายคนที่ไม่โกหกตัวเองต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทุกวันนี้จำนวนคนป่วยและตายด้วยโรคโควิด-19 ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าจำนวนคนป่วยและตายเพราะโรคนี้จะลดลงได้เมื่อไร ยกเว้นปล่อยให้คนทั้งประเทศติดเชื้อนี้ แล้วปล่อยให้เกิดกลไกการสร้างภูมิคุ้มกันในแต่ละคนไปโดยปริยาย ซึ่งหากจะปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็หมายความว่าต้องปล่อยให้มีคนป่วยและตายด้วยโรคนี้มากมายมหาศาล จนกว่าจะถึงจุดสมดุลของการสร้างภูมิด้วยตัวของมันเอง
ข้อเท็จจริงอีกประการที่เรารับรู้ด้วยกันทุกคนคือ รัฐบาลยังไม่สามารถหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนทุกราย โดยเฉพาะรายที่ต้องการฉีดวัคซีนโดยไม่เลือกยี่ห้อ ส่วนกลุ่มคนที่ต้องการเลือกยี่ห้อวัคซีน ก็อยู่ในสภาพเดียวกันคือไม่มีวัคซีนที่ตนเองต้องการในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นสรุปคือคนไทยจำนวนมากยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 และรัฐบาลก็ยังไม่สามารถหาให้ได้ในขณะนี้ แม้จะพยายามหาอย่างหนักมากสักเพียงใดก็ตาม
แต่สิ่งที่สำคัญอีกประการคือ สาธารณชนเห็นชัดว่าการทำงานของรัฐบาล รวมถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลในประเด็นการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่มีความเป็นเอกภาพแม้แต่น้อย ทั้งนี้ไม่ต้องพูดถึงพรรคการเมืองฝ่ายค้านให้เสียเวลา เพราะไม่เคยเห็นว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านจะมีปัญญาช่วยหาวัคซีนให้กับคนไทย ยกเว้นแห่กันไปฉีดวัคซีนก่อนประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แต่ทว่าฝ่ายค้านก็ไม่เคยละอายกับการกระทำในเรื่องที่บัดสีดังกล่าว
เราทุกคนที่ติดตามข่าวการแก้ปัญหาแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ยินมานานเป็นเดือนๆ แล้วว่านายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำหนดให้การฉีดวัคซีนป้องกัน
โควิด-19 ให้ประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำหนดว่าคนไทยอย่างน้อย 50 ล้านคน ต้องฉีดวัคซีนนี้ภายในสิ้นปี 2564 เพื่อให้เกิดภูมิต้านทานหมู่ของประชาชน (herd immunity) แต่ทว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ก็เป็นเสมือนเพียงวาทกรรมการเมือง เพราะเมื่อดูจากข้อเท็จจริงในปัจจุบันแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้เป็นความจริงขึ้นมา
ทุกวันนี้ยังไม่มีคำยืนยันใดๆ จากรัฐบาลว่าประชาชนจะสามารถได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ครบคนละสองเข็มในวันที่เท่าใด มีเพียงแค่คำพูดลอยๆ ว่ารัฐบาลจะหาวัคซีนมาให้ประชาชนให้ได้ แถมยังมีคำพูดที่ฟังแล้วชวนหัวร่อผสมคลื่นเหียนคือ จำนวนคนที่ลงทะเบียนรับวัคซีนมีมากกว่าจำนวนวัคซีนที่เตรียมไว้ ไม่ใช่หมายความว่าวัคซีนขาดแคลน ส่วนคำถามที่ว่าเหตุใดบางจังหวัดจึงได้วัคซีนป้องกันโควิด-19 มากกว่าบางจังหวัด ทั้งๆ ที่จังหวัดซึ่งได้วัคซีนมากกว่า ไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ร้ายแรงเหมือนกับจังหวัดที่ได้รับวัคซีนน้อยกว่า นี่ยังไม่รวมคำถามว่าทำไมคนบางกลุ่มซึ่งไม่มีความเสี่ยงกับเชื้อโควิด-19 แต่กลับได้รับวัคซีนก่อนคนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ ทั้งหมดนี้คือประเด็นคำถามที่สาธารณชนฝากถามรัฐบาล และยังมีข้อเรียกร้อง
ด้วยว่า ขอให้รัฐบาลและนักการเมืองทุกคนเลิกใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี