การระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ให้กับประชาชนทั้งประเทศภายใต้วาระแห่งชาติของการฉีดวัคซีนนั้น เริ่มมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า จำนวนของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน ตามความเสี่ยงของแต่ละกลุ่มนั้นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ นับถึงวันนี้น่าจะมีประชากรได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 8 ล้านราย
จากข้อมูลของกรมควบคุมโรคเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พบว่าหากแยกแยะตามกลุ่มประชากร ตัวเลขโดยประมาณของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วจะเป็นดังนี้
บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข เป็นจำนวนประมาณ 1.7 ล้านโดส
ประชากรอายุเกินกว่า 60 ปี เป็นจำนวนประมาณ 9.3 แสนโดส
บุคคลที่มีโรคเรื้อรัง 7 โรค เป็นจำนวนประมาณ 5.6 แสนโดส
กลุ่มประชากรทั่วไป/ เจ้าหน้าที่อื่นๆ เป็นจำนวนประมาณ 8.1 แสนโดส
ทั้งนี้ในส่วนของกรุงเทพมหานครนั้น ได้มีการจัดสรรวัคซีน ให้กับกลุ่มต่างๆดังนี้
สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร 1 ล้านโดส ซึ่งกระจายฉีดให้กับกลุ่มประชากรผู้สูงอายุและเป็นโรคเรื้อรังรวมทั้งในชุมชนที่มีการระบาดเกิดขึ้นเป็นกลุ่มก้อน ตลอดจนถึงผู้ที่อยู่ในอาชีพบริการสาธารณะด้วย
ที่ประชุมอธิการบดี 5 แสนโดส เพื่อฉีดให้กับบุคลากรของมหาวิทยาลัยต่างๆ
สํานักงานประกันสังคม 1 ล้านโดส สำหรับผู้ใช้แรงงานในระบบประกันสังคม
ในส่วนของพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข เป็นคนจัดสรรวัคซีนลงไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งยังใช้เกณฑ์เรื่องของประชากรกลุ่มเสี่ยง และพื้นที่เสี่ยงเป็นสำคัญ โดยยังคงยึดภาพรวมของการฉีดวัคซีนให้ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในแต่ละพื้นที่ภายในปลายปีนี้
หากการคาดการณ์ว่าจำนวนวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามานั้น มีมาอย่างเพียงพอตามเป้าที่ตั้งไว้ และการกระจายเป็นไปได้ตามแผนการทั้งหมด ตัวเลขของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อถึงปลายเดือนมิถุนายน จะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านคน หรือเท่ากับ 20% ของกลุ่มประชากร เป้าหมายที่ตั้งไว้ และน่าจะเริ่มเห็นผลของการชะลอตัวเลขของผู้ป่วยรายใหม่จากการระบาดได้บ้าง
เมื่อประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น อาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ อันเนื่องมาจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในร่างกาย และกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น ซึ่งแต่ละคนจะมีปฏิกิริยา มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไป ตั้งแต่ไม่มีปฏิกิริยาเลย จนถึงปฏิกิริยารุนแรงที่อาจจะทำให้เกิดความพิการหรือแม้แต่เสียชีวิต ซึ่งกรณีการเสียชีวิตจากผลของการฉีดวัคซีนนั้น ยังไม่มีรายงานเชิงวิชาการซึ่งผ่านการพิสูจน์ยืนยันแล้วใดๆ เกิดขึ้น
อาการไม่พึงประสงค์นั้น อาจแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ
เล็กน้อย คือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ท้องเสีย ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว
ปานกลาง คือมีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาการชาของแขนข้างที่ถูกฉีด รู้สึกอ่อนแรงแขนขา หรือจนถึงอาการคล้ายอัมพาต
การเสียชีวิต
ภายหลังได้รับการฉีดวัคซีนทุกราย สถานพยาบาลจะจัดให้ผู้ที่ได้รับการฉีดอยู่ในสถานที่ที่ใช้สังเกตอาการเป็นระยะเวลา 30 นาทีเป็นอย่างน้อย โดยในบริเวณดังกล่าวจะมีแพทย์พยาบาล และอุปกรณ์ช่วยเหลือกรณีที่มีภาวะฉุกเฉิน อันอาจจะเป็นอันตรายตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงแก่ชีวิต รวมทั้งจะต้องเตรียมรถพยาบาลฉุกเฉิน ในกรณีที่ต้องนำผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาตามมาตรฐานต่อไป
รัฐบาลมีเป้าหมายที่สำคัญในเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน เพื่อหวังผลว่าในระยะยาวโรคร้ายนี้จะสามารถถูกควบคุมหรือยับยั้งหรือมีการระบาดลดน้อยลง จนไม่เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนซึ่งอาจจะสะเทือนไปถึงสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองด้วย ฉะนั้นเป้าหมายที่ต้องฉีดวัคซีนโควิดให้กับประชาชน ให้ครบ 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งการจะเปิดประเทศในช่วงก่อนถึงปลายปี จึงถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญยิ่ง
ในส่วนของการดูแลประชาชนในช่วงนี้ รัฐบาลได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับกลุ่มประชากรที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายรูปแบบดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว และเพื่อให้การรณรงค์ฉีดวัคซีนทำได้ดีขึ้น ไม่ให้ประชาชนเกิดความกลัว เนื่องจากมีข่าวออกมาตลอดระยะต้นๆ ของการฉีดวัคซีนว่า การฉีดวัคซีนมีโอกาสจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจจะมีอาการน้อย หรือรุนแรงจนถึงชีวิตได้ จึงได้มีการดำเนินการจัดงบประมาณเพื่อเป็นเงินช่วยเหลือ
เบื้องต้น หรือที่เรียกกันว่าเงินเยียวยา ที่เป็นผลกระทบจากการฉีดวัคซีน โดยได้มอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้รับดำเนินการในส่วนนี้ ซึ่งต่อมาได้มีการออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ
โรคโควิด-19 พ.ศ.2564 ขึ้น
ได้มีการกำหนดประเภทของความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน เป็น 3 ระดับ คือ
บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง จ่ายเงินให้ไม่เกิน 100,000 บาท
สูญเสียอวัยวะหรือพิการ จ่ายให้ไม่เกิน 240,000 บาท
เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรจ่ายให้ไม่เกิน 400,000 บาท
โดยจะไม่มีการพิสูจน์ถูกผิด ผู้ที่ได้รับความเสียหายอาจจะยื่นเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ที่หน่วยบริการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในเขตพื้นที่ต่างๆ ทางนี้ เมื่อยื่นเรื่องไปแล้ว จะมีคณะอนุกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่งเป็นผู้พิจารณา ในการที่จะจ่ายเงินให้หรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด โดยพิจารณาจากประวัติการฉีดวัคซีน อาการแสดงที่เกิดขึ้น ประวัติการเข้ารับการรักษาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประวัติของการเป็นโรคประจำตัวที่มีอยู่ด้วย
และเชื่อว่าถึงแม้จะมีประกาศเช่นนี้ การยื่นคำร้องของประชาชนที่คิดว่าได้รับความเสียหาย ก็น่าจะเป็นไปตามเหตุผลที่ได้มีการกลั่นกรองพอสมควรแล้วเช่นกัน
จนถึงวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ได้มีการยื่นคำร้องมาแล้วเป็นจำนวน 572 ราย พิจารณาไม่จ่ายเงิน 62 ราย และจ่ายเงิน 439 ราย ดังนี้
บาดเจ็บฯ จำนวน 415 ราย จ่ายเงินทั้งสิ้น 12,004,800 บาท
สูญเสียอวัยวะฯ จำนวน 2 ราย จ่ายเงินรวม 275,000 บาท
เสียชีวิต 22 ราย จ่ายเงินรวม 3,648,000 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,927,800 บาท
กรณีของการเสียชีวิต ได้มีการผ่าศพพิสูจน์แล้วจำนวน 12 ราย และไม่มีรายใดที่มีหลักฐานว่าเชื่อมโยงโดยตรงกับการฉีดวัคซีนโควิด-19
โรคโควิด-19 จะเป็นโรคที่อยู่กับโลกใบนี้ไปอีกยาวนาน การพัฒนาวัคซีนเพื่อให้ได้วัคซีนที่ดีขึ้นกำลังเกิดขึ้นอย่างมากมาย สำหรับประเทศไทยเรานั้น สิ่งที่ประชาชนชาวไทยกำลังรอคอยคือวัคซีนที่อยู่ในระหว่างการค้นคว้าวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีชื่อว่า ChulaCov19 ซึ่งขณะนี้ได้มีความก้าวหน้า ถึงขั้นตอนที่มีการทดลองใช้ในกลุ่มประชาชนอาสาสมัครแล้วจำนวนหนึ่ง คาดกันว่ากลางปีหน้า ประเทศไทยจะสามารถผลิตวัคซีนตัวนี้ในเชิงธุรกิจได้ ซึ่งย่อมเป็นประโยชน์ต่อคนไทย ประเทศไทยและนานาชาติด้วย ขณะเดียวกันการพัฒนาวัคซีนจากหลายแห่งเพื่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์น้อยที่สุดนั้น ก็คงจะประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน รวมทั้งรูปแบบวัคซีนในอนาคต ที่สามารถจะใช้ได้ในเด็ก รวมทั้งวัคซีนชนิดพ่นเข้าจมูก ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
ถึงแม้การระดมฉีดวัคซีนจะเกิดขึ้นได้ตามเป้า ประชาชนทุกคนก็ยังจำเป็นที่จะต้องอยู่กับวิถีชีวิตใหม่ และป้องกันตัวเองจากโรคร้ายนี้ไปอีกระยะหนึ่ง การสวมหน้ากากอนามัยเกือบจะตลอดเวลา การอยู่ห่างจากผู้คนโดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มก้อนหรือไม่รู้จักกัน และการล้างมือด้วยน้ำยาที่ฆ่าเชื้อโรคได้ เป็นสิ่งที่ยังต้องดำเนินต่อไป คงจะได้เห็นข่าวบ้างแล้วว่าในบางประเทศซึ่งฉีดวัคซีนไปเป็นจำนวนมาก และเริ่มผ่อนปรนมาตรการวิถีชีวิตใหม่ ผลก็คือการระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มกลับมาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลรวมทั้งประชาชนชาวไทยคงไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี