เดือนสิงหาคม นี้ ซึ่งเป็นเดือนที่เป็นสัญลักษณ์ของ “วันแม่แห่งชาติ” ขอนำเรื่องราวของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นความรักความผูกพัน ระหว่างพลเอกเปรม กับแม่ ที่เรียบเรียงโดย ดร.สุเมต สุวรรณพรหม ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยมีใครที่จะรู้ถึงจิตใจ ความอ่อนโยน ของพลเอกเปรมที่แสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย และความผูกพัน กับ คำว่า..แม่เมื่อปีพุทธศักราช 2478 พลเอกเปรม ได้เล่าว่า
“แม่กับผมไม่เคยจากกัน ตั้งแต่ผมเกิดมาเราไม่เคยอยู่ห่างไกลกันเลย วันที่ผม จำเป็นจะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ กับพี่ชุบผมมีกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ใบเดียว มาขึ้นรถไฟ ที่สถานีหาดใหญ่ และแวะที่สุราษฎร์ธานี 1 คืน ถึงจะเดินทางต่อเข้ากรุงเทพฯ ได้แม่มาส่งที่สถานีหาดใหญ่ ก่อนจะขึ้นม้าเหล็ก แม่เข้ามากอดผม แม่ร้องไห้ ผมก็ร้องไห้ เราร้องไห้กันทั้งคู่ เมื่อเสียงหวูดรถไฟดังขึ้นเหมือนกับหัวใจเราจะขาดจากกัน”
เสียงระฆังที่สถานีรถไฟดังกังวานบาดหัวใจของหนุ่มน้อยชาวปักษ์ใต้คนนี้ยิ่งนัก ตามด้วยเสียงหวูดยาวจากหัวรถจักรไอน้ำรุ่นเก่าอันเป็นสัญญาณแห่งการอำลาที่เพิ่งจะเริ่มต้น ล้อเหล็กค่อยๆ ขยับเขยื้อนตามแรงดึงมหาศาลของหัวรถจักรที่กำลังจะพุ่งทะยานขึ้นทิศเหนือ
“ผมยืนอยู่ที่หน้าต่างโบกี้ชั้น 3 น้ำตายังมีรอยคราบที่แก้ม ผมโบกมืออำลาแม่ที่ยืนอยู่บนชานชาลาแม่พยายามโบกมือตอบแต่ดูเหมือน จะไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลย รถไฟค่อยๆ ใช้ความเร็วขึ้นตามลำดับ ภาพของแม่ค่อยๆ เล็กลงเล็กลงแล้วหายลับไปจากสายตา”
“ผมยังยืนเซื่องซึมอยู่อีกนาน ภาพนอกหน้าต่างรถไฟไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผมเลย ผมเป็นห่วงแม่ และแม่ก็เป็นห่วงผมแม่กับผมไม่เคยพลัดพราก จากกันเลยตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผมลืมตามองดูโลก แม้เสียงรถไฟจากรังสิตฉักฉึกฉักแต่หูผมกลับได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่และผม.. “นั่งเถอะเปรม” เสียงพี่ชุบดังขึ้น
“อย่าเป็นห่วงแม่เลยไปแล้วตั้งใจเรียนให้ดีแม่จะได้ภูมิใจในตัวเปรมมากกว่า”
“จะไม่ให้เป็นห่วงแม่ได้อย่างไรนอกจากไม่เคยพรากจากกันแล้วต่อไปนี้แม่คงอยู่บ้านเหงาๆ เพียงลำพังกับพ่อ และวีรณรงค์น้องคนเล็กเท่านั้น”
หนุ่มน้อยพูดเป็นภาษาถิ่นในตาแดงเรื่อหยาดน้ำตายังเคืองคออยู่เต็มเบ้า ใครเล่า..จะล่วงรู้ภายในใจของเด็กหนุ่มปักษ์ใต้คนนี้ว่ามีความรัก ลึกซึ้งผูกพันกับแม่มากปานใด
ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่ในรถไฟผมนึกถึงแต่ใบหน้าแม่ใบหน้าพ่อและน้องคนเล็กนึกถึงชายหาดสมิหลา นึกถึงเต้าคั่ว นึกถึงเพื่อนๆ ที่เคยเล่นลูกข่างและเคยวิ่งเล่นกันมาอีกนานกว่าจะปิดเทอมจึงจะได้กลับมาเห็นอีก ผมไม่เคยเข้ากรุงเทพฯ เลยตั้งแต่เกิดมา เคยได้ยินแต่พี่เล่าและอ่านจากหนังสือถึงความเจริญรุ่งเรืองที่ผิดแปลกจากสงขลา ชีวิตในเมืองกรุง คงจะสับสนวุ่นวายแทนที่จะเงียบสงบ เหมือนกับเมืองที่ผมอยู่มาตั้งแต่เกิด ผมคงพบชีวิตที่แปลกใหม่และผู้คนที่แปลกหน้าทุกสิ่งทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนจากดั้งเดิม นอกจากเป็นห่วงแม่เป็นห่วงน้องแล้วสิ่งที่เป็นห่วงอีกอย่างหนึ่ง ผมจะสอบเข้าโรงเรียนในกรุงเทพฯได้หรือเปล่า เป็นที่รู้กันว่า เด็กบ้านนอกนั้นคุณภาพการศึกษา ออกจะด้อยกว่าเด็กกรุงเทพฯ ซึ่งมีอุปกรณ์การเรียนที่ดีกว่ามากมาย แต่ถึงจะน้อยกว่าผมจะต้องสู้ ไม่มีใครหรอกที่จะชนะถ้าหากไม่ต่อสู้ ถ้าหากไม่ขยัน และไม่มานะอดทน
เด็กหนุ่มสองพี่น้อง “ติณสูลานนท์” โดยสารรถไฟจากบ้านนอกมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยความวาดหวังในความสำเร็จทางการศึกษา เช่นเดียวกับเด็กต่างจังหวัดทั่วไป ใครเล่าจะหยั่งรู้ฟ้าดิน ในที่สุด ด.ช.เปรม..ลูกรักของแม่ ก็สามารถสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบฯ ได้ดั่งใจที่ใฝ่ฝัน แต่เมื่อจบจากโรงเรียนสวนกุหลาบฯแล้วชีวิตก็ไม่สามารถลิขิตได้ตามฝัน พลเอกเปรม มีความตั้งใจว่าจะเรียนต่อแพทย์ แต่เพราะเป็นคนบ้านนอก อีกทั้งครอบครัวก็มีพี่น้องหลายคน จึงไม่มีเงินเพียงพอที่จะเรียนเป็นหมอได้ ชีวิตจึงต้องไปเรียนเป็นทหาร เพราะมีทุนการศึกษา ไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน สุดท้าย ก็ก้าวขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายกรัฐมนตรี ถูกจารึกเอาไว้เป็นตำนานเป็นประวัติศาสตร์นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย
ดั่งคำประพันธ์บทร้อยกรอง ของ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ความว่า
เป็นนายกรัฐมนตรีปรีชาชาญ เป็นขุนพลยอดทหารผู้หาญกล้า
เป็นรัฐบุรุษยุติธรรมมา เป็นองคมนตรีสง่าแห่งราชันย์
เป็นคนผู้ซื่อสัตย์สุจริต เป็นมิ่งมิตรแห่งมิตรผู้คงมั่น
เป็นผู้รู้ผู้นำคนสำคัญ เป็นอดีตปัจจุบันสามัญชน
เป็นชาวบ้านธรรมดาผู้น่ารัก เป็นผู้สูงด้วยศักดิ์อัครผล
เป็นผู้ดีมีค่าเป็น “ป๋า” คน เป็นผู้ที่เสมอต้นเสมอปลาย
เป็นคนตรงจงรักภักดีราช เป็นผู้ รับใช้ชาติมุ่งมาดหมาย
เป็นผู้พร้อมอุทิศให้ทั้งใจกาย เป็นยอดชายเป็นนายพลคนซื่อ
สุดท้ายวันนี้ ก็มีข่าวดีสำหรับคนรักป๋าเปรม ดร.สุเมต สุวรรณพรหม จากรายการวิทยุ “เรื่องเล่าของป๋าเปรม FM90.5 แจ้งว่า ขณะเพลง “ผมพอแล้ว” ได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้วแฟนป๋าเปรม เปิดค้นหาฟังได้ ทาง You Tube นะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี